Sunday, January 19, 2014

"กองทัพไทย" สถาบันที่มีความสำคัญและเป็นอิสระ"

Original article in English Thailand's Military - An Important Independent Institution HERE

มูลนิธิเอเซีย หรือ Asia Foundation เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นโดย CIA และจนถึงทุกวันนี้ ยังถือว่าเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นหัวเจาะให้แก่กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งกลุ่มผลประโยชน์ ผู้มีอิทธิพลทางธุรกิจ การเงิน แถว Wall Street และ London (ท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องจิ๊กโก๋ปากซอยมาแล้ว คงพอจะคุ้นเคยกับบทบาทของพวกคุณ CIA อย่างดีนะครับ)

กลุ่มผลประโยชน์ หรือผู้มีอิทธิพลครอบงำการบริหารของอเมริกา ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะคว่ำสถาบัน ที่มีความสำคัญต่ออธิปไตยของราชอาณาจักรไทยทุกวิถีทาง มาเป็นเวลานานแล้ว ล่าสุดเมื่อประมาณ 10 ปีมานี้ พวกเขาให้การสนับสนุนระบอบทักษิณอย่างเต็มที่เพื่อทำหน้าที่เป็นมือรับใช้ (Proxy) พวกเขา แต่ระบอบทักษิณก็ยังไม่สามารถครอบครองทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ ใน ปี ค.ศ. 2011 พวกเขาจึงมอบหมายให้มูลนิธิเอเซีย ทำการวิจัยถึง จุดอ่อน จุดแข็งของสถาบันหลักของราชอาณาจักรไทย รวมทั้งของ มือรับใช้ ของพวกเขา คือระบอบทักษิณ การวิจัยนี้ได้แสดงถึงสิ่งที่น่าสนใจหลายประการของสังคมไทย




Graph: Up from 62% the year before, the public perception of the military as an important independent institution stood at 63%. Even in in the regime's rural strongholds, support stood at 61%. The only group that did not support the military, was the regime's tiny "red" minority, but even amongst them, 30% still supported the army.  
....


ในรายงานวิจัยระบุว่า มีคนไทยที่ประกาศว่า ตนเองเป็นผู้สนับสนุนขบวนการเสื้อแดง ประมาณ 14% และใน 14% มีประมาณครึ่งหนึ่งบอกว่าเป็นประเภทที่เอียง หรือแค่เห็นพ้อง มิใช่ระดับเป็นเสื้อแดงเต็มตัว ที่น่าสนใจ รายงานวิจัยระบุว่าคนโทยประมาณ 62% เชื่อว่าฝ่ายทหารที่ได้ทำรัฐประหาร ขับไล่ทักษิณออกไปจากอำนาจ เมื่อปี 2006 โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ และมีส่วนทำให้ตัวแทนของระบอบทักษิณล้มคว่ำไป 2 คน เมื่อ ค.ศ. 2009 และ 2010 นั้น เป็นสถาบันที่มีส่วนสำคัญในการป้องกัน และสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศ

ในขณะที่โลกฝั่งตะวันตก ( The West) และระบอบทักษิณเอง พยายามที่จะแสดง หรือสร้างภาพให้เห็นไปทั่วว่า การดำเนินการของกองทัพ เป็นการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง แต่จากผลการวิจัยของพวกเขาเองกลับ บอกว่า คนไทยจำนวนมากไม่ได้เห็นเช่นนั้น แม้โลกฝั่งตะวันตก ก็ไม่ได้เชื่อเช่นนั้นเสียทีเดียว พวกเขาเข้าใจว่า สถาบันทหารมีความเป็นอิสระ และไม่มีอิทธิพลพอที่จะปลี่ยนความคิดเห็นของชาวไทย หากแต่มีประโยชน์ ในการทำหน้าที่เป็นผู้ถ่วงดุลย์อำนาจในยามจำเป็นมากกว่า

แม้ว่าอเมริกา จะพยายามสร้างสัมพันธ์กับกองทัพไทย ผ่านการฝึกซ้อมรบประจำปีที่เรียกว่า “Cobra Gold” แต่ทหารระดับสูงของไทย ก็ดูเหมือนจะพยายามระวังตัว พอที่จะทำให้เห็นความเป็นอิสระของกองทัพไทย ที่จะไม่หลงไหลได้ปลื้มไปกับเสียงกล่อมเรื่องมิตรภาพยาวนาน หรือเงินช่วยเหลือ ซึ่งโลกตะวันตก ได้สัญญาแล้วสัญญาอีก แล้วท้ายที่สุดก็หายไปกับสายลม อย่างที่ทำกับหลายประเทศ เช่น กับกองทัพอิียิปต์ หรือปากีสถาน ซึ่งหวังจะได้รับความช่วยเหลือด้านเงินทุน การฝึกซ้อมและอาวุธ ในขณะเดียวกัน ก็สามารถที่จะปฏิบัติภาระกิจของตนเองอย่างมีอิสระ


Image: Thailand's military mobilized in 2006 to oust Wall Street-backed dictator Thaksin Shinawatra, who just the previous evening was sitting before the CFR giving his foreign sponsors a progress report. While the West attempts to portray the Thai military as "undemocratic," the reality is the Thai army carried out what it was duty-bound to perform - the defense of Thailand against all enemies, foreign and domestic. 
....

นอกจากนี้ อเมริกาพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างสัมพันธ์ ( อำนาจ! ) กับนายทหารระดับสูงของไทย ชนิดว่า เมื่อ Pentagon ยกหูโทรศัพท์มาเมื่อใด ต้องมีนายทหารระดับสูงที่มีส่วนสำคัญ ในการดูแลจัดการกับสถานการณ์สำคัญที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ต้องรีบรับสายของ Pentagon ทันที แต่มันก็มีมุมพลิกกลับ การที่อเมริกาแสดงความกดดันกองทัพไทยอย่างมาก หลังจากที่ได้ทำรัฐประหารขับไล่ทักษิณซึ่งอเมริกาสนับสนุน ออกไปจากอำนาจเมื่อปี ค.ศ. 2006 ทำให้ทหารน้อย ทหารใหญ่ ของไทยรู้ถึงน้ำใสใจจริงของอเมริกาที่มีต่อทหารไทยพอสมควร มันพอจะมองเห็นได้ว่า ที่สุดแล้วอเมริกาพยายามที่จะลดบทบาท ลดความสำคัญของการเป็นสถาบัน ที่เป็นตัวดุลย์อำนาจที่สำคัญของราชอาณาจักรไทย ตามความเห็นของสังคม ที่มีมาช้านาน ลงไปให้เหลือเพียงเป็นผู้สนับสนุนมือรับใช้ (Proxy) ของโลกตะวันตกเท่านั้น !!!

แล้วกองทัพก็จะเหลือเป็นเพียง ส่วนประกอบชนิดน้ำหนักเบา ของผู้มีอิทธิพลทางการเงิน เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในกัมพูชา ทหารกัมพูชากลายสภาพเหมือนเป็นทหารรับจ้าง (Mercenaries) ซึ่งพร้อมที่จะขายสมบัติของชาติทุกอย่าง ให้กับต่างชาติ มากกว่าที่จะเป็นทหารที่ปกป้องแผ่นดิน และผลประโยชน์ของประชาชนชาวกัมพูชา

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทยขณะนี้ เสมือนเป็นการต่อสู้ของตัวแทนผู้มีอิทธิพลทางตะวันตกที่ ผ่านระบอบทักษิณ ที่พยายามจะอยู่ในอำนาจต่อไป โดยร่วมมือกับสื่อตะวันตก ที่พยายามฟอกย้อม สร้างข่าว ให้กองทัพไทยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยืนอยู่ริมสนาม

แน่นอนสื่อต่างชาติพวกนี้ที่หมดความน่าเชื่อถือไปแล้วในหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังพยายามอย่างยิ่ง ที่จะทำให้การใช้บทบาทของกองทัพไทยในช่วงสำคัญอย่างยิ่งของประวัติศาสตร์ไทยตอนนี้ โดนตำหนิทั้งขึ้นทั้งล่อง จากทั้งภายในและนอกประเทศ


Photo: Deposed autocrat, Thaksin Shinawatra before the CFR on the even of the 2006 military coup that would oust him from power. Since 2006 he has had the full, unflinching support of Washington, Wall Street and their immense propaganda machine in his bid to seize back power.
….

เมื่อต้นเดือนธันวาคม ค.ศ.2013 The council on foreign relation (CFR) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนไอ้โจรร้าย มากว่าทศวรรษ ได้พิมพ์บทความชื่อ “Can Thailand Break Its Coup Addiction?” (ประเทศไทยจะเลิกการเสพติดยี่ห้อปฎิวัติได้หรือ?) ถึงแม้ว่าราชอาณาจักรไทยจะมีการบริหารอย่างเปิดเผยโดยนักโทษหนีคดีอาญา คดีฆ่าหมู่ ซึ่งไม่ได้รับการเลือกตั้ง และแถมไม่ได้อยู่ในประเทศที่ตัวเองสั่งการบริหาร แต่บทความของ CFR ข้างต้นก็เหมือนจะไม่สนใจ แถมเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าการบริหารประเทศโดยระบอบทักษิณแบบนั้น ก็ยังเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยชอบมากกว่า ส่วนการปฎิวัติเป็นเรื่องหมดยุค ไม่จำเป็นและเป็นการถ่วงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ

ถ้า CFR สามารถทำได้ (และอาจทำได้!) CFR คงจะจัดการให้ทักษิณบริหารประเทศผ่านน้องสาวแสนโง่ของเขาต่อไป และปล่อยให้มีการโกงชนิดโคตรต่อไป และในที่สุดเราก็อาจจะได้เห็นทักษิณกลับเข้ามาในประเทศไทย มาปกครองประเทศโดยตัวเองและตอบแทนพระคุณอันล้นเหลือ ของผู้มีอิทธิพลของโลกตะวันตกที่หนุนหลังเขามาตลอด แล้วอย่าประหลาดใจกันก็แล้วกัน!

แน่นอน CFR ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลโลกตะวันตก และไม่มีทางพูดแทนรัฐบาลของโลกตะวันตกได้ แต่ CFR สามารถจะใช้วิธีแสดงอำนาจ และอิทธิพลของพวกเขาทั้งทางตรงและทางอ้อมไปเรื่อยๆ ให้เข้าใจเช่นนั้นได้

กองทัพของทุกประเทศ ได้รับมอบหมาย และในความเป็นจริงมีหน้าที่หลักในการป้องกันศัตรูทั้งในและนอกประเทศ ในกรณีของไอ้โจรร้ายที่มีกลุ่มอิทธิพลต่างชาติหนุนหลังนี้ มันเป็นการข่มขู่และประสงค์ร้าย ของระบอบ ที่เป็นภัยต่อราชอาณาจักรอย่างชัดเจน การข่มขู่เช่นนี้สมควรอย่างยิ่ง ที่จะต้องได้รับการดูแลและจัดการจากกองทัพอย่างจริงจัง

และถ้าทองทัพไทย จะ "จำกัด" หน้าที่ของต้น เพียงเพราะมี "เสียง" สท้อนกลับไปกลับมา ทั้งใน และนอกประเทศ จากการจัดฉาก สร้างบทความ หรือการใช้สื่อฟอกย้อม ตามเป้าหมายของ CFR จนทำให้กองทัพไทย มองสถานการณ์และและเข้าใจเรื่องราวที่เป็นอยู่ อย่างผิดพลาด จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง และอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ต่อราชอาณาจักรไทยอย่างเกินจะเยียวยา