Wednesday, August 19, 2015

ระเบิดกรุงเทพฯ: “ความจริง” จากคนโกหก เพราะคนโกหกพูดทุกอย่างที่ทำ

English Version: Bangkok Blast: Who the Liars Say Did It, Says it All

18 สิงหาคม 2558
(โทนี่ คาร์ตาลุชชี่ - แลนด์เดสทรอยเออร์) จากการระเบิดที่กรุงเทพฯ ล่าสุด บีบีซี ในรายงานเรื่อง "การระเบิดที่กรุงเทพฯ : ระเบิดมัจจุราชสั่นคลอนเมืองหลวง" พยายามสาธยายย่อหน้าแล้ว ย่อหน้าเล่า โดยไม่ยอมเอ่ยแม้แต่น้อยถึงชื่อเผด็จการ ทักษิณ ที่ถูกขับออกจากตำแหน่ง หรือแม้กระทั่งที่จะเอ่ยถึงความรุนแรงอันน่าบัดสีของกลุ่มการเมืองของทักษิณ ขณะที่ดิ้นพล่านกอดอำนาจไว้ ในห้วงที่กำลังถูกขับออกจากตำแหน่งในปี 2557


ในระหว่างการประท้วงต่อต้านทักษิณ บี บี ซี เองได้ถูกแฉว่า พยายามปิดบังความรุนแรงของกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ และตั้งใจที่จะบิดเบือนเกี่ยวกับผู้ชุมนุม มาตอนนี้ นักข่าวและนักวิเคราะห์ของ บี บี ซี กำลังค้นหาผู้ต้องสงสัยที่อยู่เบื้องหลังการระเบิดเมื่อวันจันทร์ พร้อมข้อสรุปที่น่าจะให้คำอธิบายว่าเมืองไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายอะไรอยู่ ซึ่งสื่อตะวันตกอื่นๆ ก็มักจะคล้อยตามด้วย

การกลบเกลื่อน

การที่ บี บี ซี หลีกเลี่ยงไม่กล่าวถึงทักษิณ ชินวัตร ย่อมมีความหมายมาก เมื่ออ่านบทความชิ้นนี้ของ บี บี ซี จบ ผู้อ่านที่ไม่ตั้งข้อสงสัย ก็ไม่มีวันรู้เกี่ยวกับการวางแผนก่อการร้ายและการฆาตกรรมหมู่ ที่ทักษิณและพรรคพวกดำเนินการมาจนถึงขั้นที่ว่า แม้แต่ บี บี ซี เอง ก็รายงานว่า สงครามกลางเมืองอยู่แค่เอื้อม

ในปี 2552 ม็อบของระบอบทักษิณ หลังจากที่ได้ทำการโจมตีและสังหารคู่ต่อทางการเมืองของทักษิณ ก็เริ่มก่อจลาจลและปล้นสะดมภ์กรุงเทพฯ เจ้าของร้านค้า 2 ร้านถูกยิงโดยพรรคพวกของทักษิณ มีเพียง 2 คนนี้เท่านั้นที่ตายระหว่างการก่อความรุนแรง ในปีต่อมา ทักษิณนำกองกำลังติดอาวุธสงคราม300 คนเข้ามาในกรุงเทพฯ แล้วก็เริ่มการยิงต่อสู้กับกองทัพไทยนานนับสัปดาห์ ผดตามมาคือการสูญเสียกว่า 100 ชีวิต และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ภาพ: กองกำลังติดอาวุธกว่า 300 คนของระบอบทักษิณใช้ M16 AK47 เครื่องยิงระเบิด M79 ระเบิดมือ ปืนพก และปืนซุ่มยิง ซึ่งทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นสนามรบในปี 2553 เกือบ 100 คนถูกสังหาร และอีกหลายร้อยที่บาดเจ็บ หลายสัปดาห์ของการต่อสู้ด้วยอาวุธ และการเผาเมือง ยังผลให้อาคารสำคัญหลายแห่งถูกทำลาย ขณะที่ในตอนนั้น การโจมตีไม่อาจเปรียบได้กับระดับความรุนแรงของระเบิดเมื่อวันจันทร์ กองกำลังของทักษิณถูกปราบปรามได้อย่างง่ายดายในปี 2553

ไม่นานมานี้ ระหว่างการประท้วงของมวลชนซึ่งขับไล่ระบอบทักษิณได้ในที่สุดนั้น ระบอบทักษิณก็หันมาใช้กองกำลังติดอาวุธอีกครั้งหนึ่งในการปาระเบิดมือและการโจมตีย่อยๆ ด้วยอาวุธ ยังผลให้มีคนตายทั้งชาย หญิง และเด็กกว่า 30 ศพ อีกหลายร้อยต้องบาดเจ็บ การโจมตีมีแทบทุกวัน จนกระทั่งเกิดการเข้าควบคุมสถานะการณ์โดยทหารในปี 2557


ตั้งแต่พฤษภาคม 2558 มีการวางระเบิดหลายครั้ง บางครั้งทันทีหลังจากที่มีการขู่คุกคามโดยกลุ่มทางการเมืองของระบอบทักษิณ

ภาพ: ใกล้กับจุดระเบิดเมื่อวันจันทร์ ระเบิดคู่เกิดขึ้นต้นปี 2558 ที่สถานีรถไฟฟ้า การระเบิดครั้งนั้นเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากผู้นำพรรคการเมืองระบอบทักษิณขู่ใช้ความรุนแรง

การที่ บี บี ซี หลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงเหตุการณ์เหล่านี้นั้น เป็นการจงใจทำ เพื่อกันทักษิณออกไปไม่ให้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยนั่นเอง และเมื่อคำนึงถึงการฆาตกรรมหมู่และการก่อการร้ายที่ทักษิณและกลุ่มการเมืองของเขาได้กระทำในอดีต เหตุระเบิดเมื่อวันจันทร์ก็ย่อมเป็นผลพวงที่ตามมาของการการขยายความรุนแรงตามขั้นตอนที่คิดการไว้ล่วงหน้าแล้ว นอกเหนือจากระดับผลกระทบกับประชาชนแล้ว การวางระเบิดครั้งนี้ยังมีเป้าที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ เป้าหมายนี้ทักษิณและผู้สนับสนุนตะวันตกได้พยายามจะทำให้เกิดขึ้นตั้งแต่การยึดอำนาจในปี 2558 แล้ว โดยประสานกัน รณรงค์โฆษณาชวนเชื่อร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ระเบิดครั้งนี้เข้าทางผลประโยชน์ของอเมริกาและกลุ่มตัวแทนของตน แต่ว่าเครือข่ายก่อการร้ายของทักษิณเองจะเข้มามีเอี่ยวขนาดไหน? อเมริกามีความสามารถด้านการดำเนินการที่จะใช้ตัวแสดงตัวอื่นในประเทศไทย ให้ทำการโจมตีโดยไม่ต้องจับมือกับเครือข่ายที่รู้กันดีของทักษิณหรือไม่?

ผู้ก่อการร้ายที่ไว้ใจได้ของอเมริกาในประเทศไทย

แทนที่จะเอ่ยถึงความชั่วช้าของทักษิณในอดีตและบทบาทที่เป็นไปได้ในการวางระเบิดครั้งก่อนๆ บทความของ บีบีซี กลับพยายามนำเสนอผู้ต้องสงสัยรายอื่น ข้อเสนอของ บีบีซี นั้นไม่ได้เกินความคาดหมาย ภาคใต้ของไทยกลายเป็นดินแดนการก่อการความรุนแรงนับตั้งแต่ทักษิณเข้ามามีอำนาจในปี 2544 แต่สิ่งที่ บีบีซี ไม่ยอมอธิบายก็คือ ใครอยู่เบื้องหลังการก่อการ และใครกำลังใช้มันเพื่อกลบเกลื่อนการกระทำการก่อการร้ายอันอื่น

บีบีซี แถลงย้ำว่า:
ไม่เคยมีการโจมตีในเมืองหลวงของไทยในระดับนี้ หรือด้วยเจตนาฆาตกรรมแบบนี้มาก่อนในอดีต ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็คือนี่เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการมุสลิมในภาคใต้ ซึ่งต่อสู้การปกครองของไทยมาเป็นทศวรรษ อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้ไม่เคยตั้งเป้าที่กรุงเทพฯ มาก่อน และจำนวนการสูญเสียจากการโจมตีของกลุ่มนี้ก็กำลังถดถอย
ความโกลาหลทางการเมืองในประเทศทำให้เกิดการโจมตีด้วยระเบิดระดับเล็กของกลุ่มอริบ้างในอดีต แต่ไม่ใช่ในระดับนี้ ดูเหมือนว่ามีความเชื่อมโยงเล็กน้อย หรือไม่มีเลย ระหว่างกองกำลังในภาคใต้ของไทยกับกลุ่มรัฐอิสลาม 
ศาลท้าวมหาพรหมเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ปมนี้อาจเชื่อมโยงถึงกลุ่มอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนส่วนน้อยพูดมุสลิมในตะวันตกใกลของจีน ชนกลุ่มนี้ได้ร้องเรียนเรื่องการเบียดเบียนทางวัฒนธรรมและทางศาสนาโดยผู้กุมอำนาจในปักกิ่ง 
เดือนที่แล้วอุยกูร์กว่า 100 คนถูกส่งตัวกลับจีนโดยไทย ก่อให้เกิดการประณามโดยทั่วไป แม้จะมีเหตุรุนแรงในเรื่องการส่งตัวกลับของอุยกูร์ แต่การตอบโต้ด้วยการโจมตีในระดับเช่นนี้ภายนอกประเทศจีน กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องผิดปกติ

บีบีซี ไม่เคยกล่าวถึงอุยกูร์ขณะถูกลักลอบส่งผ่านภาคใต้ของไทยว่า พวกเขากำลังเดินทางไปต่อสู้ในสงครามตัวแทนของนาโต้ในซีเรีย หลายคนถูกต้องการตัวโดยเจ้าหน้าที่จีนในฐานะผู้ก่อการร้าย การถูกส่งตัวกลับจีนของพวกเขาถูกประท้วงอย่างอื้ออึงโดยอเมริกาและแนวร่วมกลุ่มเรียกร้องสิทธิมนุษยชน บทความของรอยเตอร์เรื่อง "อุยกูร์บนเส้นทางจีฮาดกลับจีนในชุดคลุมโม่ง" รายงานว่า:
อุยกูร์บางคนที่ถูกส่งตัวกลับจีนจากไทยมีแผนที่จะไปซีเรียและอิรักเพื่อทำจีฮาด นี่เป็นรายงานของโทรทัศน์ของรัฐ พร้อมโชว์รูปพวกเขาขณะถูกควบคุมตัวบนเครื่องบิน โดยมีผ้าโม่งสีดำคลุมหัว
เหตุการณ์การส่งตัวอุยกูร์กว่าร้อยคนกลับจีนที่ บี บี ซี และรอยเตอร์รายงานนี้ ได้ก่อให้เกิดการโจมตีสถานกงศุลของไทยในตูรกี กลุ่มที่โจมตีสถานกงศุลก็คือกลุ่มสภาอุยกูร์โลก (WUC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รอยเตอร์ยังออกบทความ "นายกรัฐมนตรีไทยปกป้องการตัดสินใจที่จะส่งอุยกูร์กลับจีน" กล่าวว่า:
"เรามาประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของไทยและจีน ความโหดร้ายของจีนได้แพร่มาถึงไทย" เลยิต ตุมเตอร์ รองประธานสภาอุยกูร์โลก กล่าวกับรอยเตอร์นอกสถานกงศุลไทย
การสนับสนุนเงินทุนให้ WUC ของอเมริกาดูได้จากรายงานกองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติของสหรัฐฯ (NED) ชื่อว่า "ซินเจียง/ตูร์กิสถานตะวันออก"ตูร์กิสถานตะวันออก หมายถึง กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่กรุขึ้น กลุ่มนี้พยายามยึดครองดินแดนจีนด้วยความรุนแรง โดยมีสหรัฐฯ หนุนหลัง



เป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มก่อการร้ายอุยกูร์ ทั้งในจีนและที่กำลังทำสงครามตัวแทนในนามนาโต้ที่ซีเรีย เป็นการแผ่ขยายของเครือข่ายกองกำลังของสหรัฐฯและนาโต้ที่นับวันยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่า การวางพลอตเรื่องอุยกูร์ในภาคใต้ของไทยกำลังใช้ประเด็นความรุนแรงที่กำลังก่อตัวนั่นเป็นการกลบเกลื่อน หรือมิเช่นนั้นก็ใช้องค์ประกอบเชิงบูรณภาพของความรุนแรงเลยทีเดียว

องค์กรก่อการร้ายติดอาวุธที่รับเงินทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ อย่าง อาบู ซายาฟ เจมาห์ อิสลามาห์ และ โมโร อิสลามิค ลิเบเรชั่น ฟร้อนท์ (MILF) กำลังก่อการอยู่ในเอเชียอาคเนย์อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจมาห์ อิสลามาห์ ที่ออกมาประกาศการสนับสนุนความรุนแรงในภาคใต้ของไทยอย่างเปิดเผย

นิวยอร์ค ไทมส์ ออกบทความเกี่ยวกับการสนับสนุน เจมาห์ อิสลามาห์ โดยเฉพาะของซาอุดิอาระเบีย ชื่อ "ชาอุฯ โปรโมทกลุ่มอิสลามขวาจัดในอินโดนีเซียอย่างเงียบๆ " รายงานว่า:
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียและตะวันตกกล่าวว่า เงินซาอุฯ มาในสองรูปแบบ กองทุนเหนือบอร์ดสำหรับจุดประสงค์ด้านศาสนาและการศึกษา กับเงินสนับสนุนกลุ่มกองกำลังอิสลามที่จัดให้อย่างเงียบๆ เงินซาอุฯ มีผลอันลึกซึ้งต่อกลุ่มหัวรุนแรง ช่วยให้กิจกรรมของกลุ่มดำเนินการได้ หรือไม่ก็ใช้ในการรับสมาชิกใหม่

องค์กรการกุศลของซาอุ อัล ฮารามาอีน เป็นตัวอย่างที่ดีของการเล่นบทสองด้าน เมื่อสามปีก่อน องค์กรได้ลงนามบันทึกข้อตกลงอย่างเป็นทางการกับกระทรวงการศาสนาอินโดนีเซีย ให้อนุญาตการให้เงินสนับสนุนแก่สถาบันการศึกษาต่างๆ

แต่แล้วปรากฎว่า อัล ฮารามาอีน กลับเป็นช่องทางเงินสนับสนุนให้กับ เจมาห์ อิสลามาห์ ด้วย เจมาห์ อิสลามาห์ เป็นองค์กรก่อการร้ายเอเชียอาคเนย์ที่ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างรัฐอิสลามในภูมิภาคนี้
ขณะเดียวกันที่สหรัฐฯ มีปฏิกริยาทันทีในการกดดันซาอุดิอาระเบีย ให้ปิดเครือข่ายเหล่านี้ เมื่อเครือข่ายถูกเปิดโปง แต่ความสัมพันธ์ยึดโยงเหนียวแน่นของสหรัฐฯ กับซาอุฯ นั้น ดาษดื่นจนยากที่จะปฏิเสธ

สหรัฐฯ -ซาอุฯ คอนเน็คชั่น

เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปแม้กระทั่งในหมู่สื่อกระแสหลักตะวันตกว่า ซาอุดิอาระเบียเป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้าย รวมไปถึงเหตุการณ์การโจมตี 11 กันยา2544 ที่ยังผลให้อเมริกัย 3,000 คนต้องตาย อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงความสัมพันธ์ด้านการทหารและเศรษฐกิจยยาวนานเป็นทศวรรษกับรัฐเผด็จการอัตตาธิปไตยนี้ต่อไป

สหรัฐฯ คงรักษาฐานทัพทหารถาวรในซาอุดิอาระเบีย ป้องกันดินแดนให้ สนับสนุนเงินทุนกองทัพซาอุฯ และเมื่อปี 2553 ได้ทำสัญญาซื้อขายอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น หน่วยรักษาความมั่นคงภายในที่กดขี่โหดเหี้ยมทารุณของซาอุดิอาระเบียก็เป็นเด็กสร้างของสหรัฐฯ นั่นเอง

ภาพ: สงครามไร้กฎเกณฑ์ กองทัพไร้กฎเกณฑ์ ผู้ก่อการร้ายในซีเรียโหลดขีปนาวุธต่อต้านรถถัง US-TOW สหรัฐฯ ได้ฝึกกำลัง สนับสนุนเงิน ส่งยุทโธปกรณ์ให้กับผู้ก่อการร้ายที่สู้รบในซีเรียตั้งแต่ปี 2554 การดำเนินการแบบเดียวกันนี้ทำให้ลิเบียแบ่งแยกและล่มสลาย ตกอยู่ในอุ้งมืออัลกออีดะห์ในที่สุด

ราชวงศ์ซาอุฯ กับชนชั้นสูงเจ้าของกิจการระดับใหญ่สหรัฐฯ ตามฟอร์จูน 500 มีความสัมพันธ์กันทางเศรษกิจและการเมืองอย่างแนบแน่น ผลประโยชน์เจ้าของกิจการระดับใหญ่ของซาอุฯ (ซึ่งเป็นคนในราชวงศ์) นั้น ผูกติดโดยตรงกับวอลล์สตรีทและลอนดอนผ่านทางองค์กรความสัมพัธ์ อย่างเช่น สภาธุรกิจสหรัฐฯ -ซาอุดิอาระเบีย และตัวแทนในสภา เจ พี มอร์แกน นานาชาติ (คาลิด อัล ฟาลิห์ ของ ซาอุดิ อารัมโก หนึ่งในบริษัทมูลค่าสูงที่สุดของโลก)

ถึงตรงนี้ ต้องกล่าวถึงครอบครัว บิน ลาเดน ซาอุดิ บินลาดิน กรุ๊ป เป็นบริษัทพันล้านที่เป็นสมาชิกใน สภาธุรกิจสหรัฐฯ -ซาอุดิอาระเบีย และมีบทบาทสำคัญในการทำนโยบายทวิภาคีเพื่อผลประโยชน์ของผู้ร่วมทุนกิจการ และเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ทางภูมิการเมือง ครั้งหนึ่งครอบครัว บิน ลาเดน กับ บุ๊ชเคยนั่งโต๊ะร่วมกัน ครอบครัวทั้งสองร่วมทุนในบริษัทการเงิน คาร์ไลยล์ ที่จริง บุ๊ช กับ บิน ลาเดน ชนแก้วแชมเปญกันในวอชิงตันในวันที่ 9 กันยาเหตุการณ์นั้นทำให้สองครอบครัวรำ่รวยมหาศาลต่อมาเป็นทศวรรษ

เป็นเรื่องชัดเจนว่า การก่อการร้ายที่สนับสนุนโดยรัฐของซาอุฯ ไม่กระทำการใดๆ โดยที่สหรัฐฯไม่รับรู้หรืออนุมัต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากกระทำโดยซาอุดิอาระเบียเพื่อกลบเกลื่อนการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ นี่หมายความว่า การก่อการร้ายที่สนับสนุนโดยซาอุฯ ในประเทศไทยย่อมบ่งชี้ถึงการก่อการร้ายที่สนับสนุนโดยสหรัฐฯ เอง

การก่อการร้าย สหรัฐฯ -ซาอุฯ ทำงานอย่างไรในประเทศไทย

ดูเหมือนว่า ซาอุดิอาระเบียไม่จงใจสร้างรัฐอิสลามในประเทศไทย การก่อการร้ายที่ซาอุฯ ก่อในเอเชียอาคเนย์ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางภูมิการเมืองสำหรับตะวันตก เมื่อเครื่องมือปกติไม่สามารถนำมาใช้ได้ สหรัฐฯ ได้ผลประโยชน์อย่างชัดเจนในการใช้การก่อการร้ายที่สนับสนุนโดยซาอุฯ ในภาคใต้ของไทยเพื่อพุ่งเป้าที่เศรษฐกิจของประเทศไทย ขณะเดียวกันก็ทำให้ตัวแทนทางการเมือง - ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องตกเป็นเป้าของการมีส่วนในการระเบิดที่โหดเหี้ยมเมื่อวันจันทร์

ด้วยการใช้การก่อการร้ายที่กลบเกลื่อนด้วยกลุ่มก่อการภาตใต้เช่นนี้ การโจมตีที่อุกอาจมากขึ้นก็สามารถนำมาใช้ได้ โดยไม่เสี่ยงที่จะสร้างความชอบธรรมให้ประชาชนและกองทัพไทยพุ่งเป้าไปที่ทักษิณและพลพรรค

ภาพ: เหตุบังเอิญ หนึ่งในสองผู้ต้องหาขว้างระเบิดมือที่อาคารศาลอาญาเป็นคนใกล้ชิดของ ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ลูกพี่ลูกน้องของทักษิณ

การวางระเบิดครั้งก่อนๆ หลังการยึดอำนาจเกิดขึ้นในห้วงเวลาวิกฤตที่กองทัพไทยกระทำการใดๆ เพื่อถอนรากพรรคการเมืองของทักษิณ ระเบิดเหล่านั้นถูกกลบเกลื่อนให้ดูเหมือนกับการกระทำของกลุ่มก่อการภาคใต้ แต่ห้วงเวลา แรงจูงใจ และผู้ต้องหา ต่างก็ชี้ไปที่ทักษิณ การขว้างระเบิดที่อาคารศาลอาญาก็นำไปถึงลูกพี่ลูกน้องของทักษิณโดยตรง

ความท้าทายของประเทศไทย

ศัตรูของประเทศไทยได้ยกระดับสงครามกับคนไทยขึ้นมาในระดับที่อุกอาจน่าหวาดหวั่นแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นการกระทำโดยตรงของระบอบทักษิณที่สหรัฐฯ หนุนหลัง หรือจะเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายภาคใต้ที่สหรัฐฯ และซาอุดิอาระเบียสนับสนุน ระเบิดวันจันทร์ได้ถูกออกแบบให้ข่มขวัญคนไทยพุ่งเป้าที่เศรษฐกิจไทย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยต้องชะงักงัน

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า นี่ไม่ใช่งานของ "ผู้ก่อการร้าย" โดยลำพัง การโจมตีครั้งนี้ถูกวางแผน ถูกดำเนินการ เพื่อบรรลุเป้าหมายเรื่องอิทธิพลทางภูมิการเมืองไม่ใช่เป้าหมายการแบ่งแยกดินแดนท้องถิ่นที่ได้มีการดำเนินในจังหวัดภาคใต้ ประเด็นดังกล่าวนี้ แม้แต่ บีบีซี เอง ก็ไม่อาจปฏิเสธได้

ในการแต่งตั้ง เกล็น เดวีส์ ฑูตสหรัฐฯ ผู้จบการศึกษาจากวิทยาลัยการสงคราม เชี่ยวชาญในด้านการใช้กองกำลังที่ไม่เป็นทหาร เพื่อบีบให้ประเทศใดประเทศหนึ่งทำตามเจตจำนงและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ การหลอนที่น่าชิงชังของสงครามไร้กฎเกณฑ์ในประเทศไทยจึงได้อบุติขึ้น เหมือนที่ลิเบีย ที่ซีเรียและที่ยูเครน ซึ่งสหรัฐฯ ได้เลือกที่จะใช้สงครามตัวแทนให้กลายเป็นเครื่องมือทางภูมิการเมือง ที่นี่ประเทศไทยเช่นกัน ปรากฎชัดว่า สหรัฐฯ กำลังดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบ "เบ่งกล้าม" มากขึ้น

เพื่อที่จะต่อกรกับมัน ประเทศไทยจำเป็นต้องมองหาประเทศอื่นที่ได้เผชิญกับการคุกคามแบบนี้ แล้วได้เอาชนะมัน รัสเซียและจีนเข้าใจ และมีสูตรการป้องกันประเทศจากรูปแบบการสงครามเจเนเรชั่นที่สี่เช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัสเซีย ประเทศนี้พัฒนาเครื่องมือทางสื่อ เพื่อที่จะใช้ในการแจ้งประชาชนของตนและประชาคมโลกให้ตระหนักรู้ในการคุกคามแบบใหม่นี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องแจ้งให้สาธารณชนไทยตระหนักรู้ว่า แท้จริงแล้ว การคุกคามที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่คืออะไร และเราจะเอาชนะมันอย่างไร