หมายเหตุ แปลและเรียบแรียงจากบทความ Thailand: "Occupy Bangkok" Begins
คลื่นมวลมหาประชาชนจำนวนมากหมายมหาศาล รวมถึงยานพาหนะต่างๆนับร้อยๆคน ได้เริ่มปักถาวรยึดครองสี่แยกต่างๆทั่วกรุงเทพฯ เพื่อต่อสู้กับระบอบทักษิณที่มีนายทุนจากวอลสตรีทหนุนหลัง
วันที่ 13 ม.ค. 2557 การระดมพลครั้งที่ 4 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งใหญ่ี่สุดของกลุ่มผู้ประท้วงได้ออกมาเดินขบวนขับไล่เผด็จการ ทักษิณ ชินวัตร และ รัฐบาลหุ่นเชิด ตามถนนและแยกต่่างๆ จนทำให้ถนนในเมืองหลวงกลายเป็นถนนคนเดิน และกลายเป็นที่ตั้งแคมป์ และเวทีต่างๆ เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในหลายจุดสำคัญทั่วกรุงเทพฯ
ในรูป : บรรยากาศการขุมนุมใน8 จุดหลักทีี่สำคัญที่กลุ่มผู้ประท้วงได้ใช้เป็นพื้นที่ชุมนุมถาวร โดยแแต่ละจุดห้อมล้อมไปด้วยยานพาหนะ เสบียงอาหารและอุปกรณ์ต่างๆที่จะสามารถใช้ปักหลักเพื่อยึดกรุงเทพฯจนกว่าระบอบทักษิณจะถูกโค่นล้ม
....
บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปด้วยความคึกคักและสนุกสนานเหมือนงานเทศกาลรื่นเริงตลอดทั้งวัน โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมมากมายมหาศาล แม้ว่าก่อนหน้านี้ลิ่วล้อระบอบทักษิณได้มีกระทำการข่มขู่ผู้ชุมนุมด้วยวิธีการรุนแรงแบบก่อการร้่ายไม่ว่าเป็นการลอบยิงและการขว้างปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ ในตลอดหลายวันที่ผ่านมา เพื่อทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความกลัว
ทั้งนี้กลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ก่อนมีการเลือกตั้ง รวมถึงการเอาระบอบทักษิณออกจากสังคมไทย เพื่อที่จะทำเข้าใจว่าทำไมกลุ่มผู้ประท้วงจึงได้มีการรวมตัวกันอย่างมากมายมโหฬารและลากยาวจนถึงทุกวันนี้ ต้องมาดูว่าที่ผ่านมาทักษิณ ชินวัตร ได้ทำอะไรไว้กับประเทศไทยบ้าง
ทักษิณ ได้ทำอะไรไว้บ้าง
- ช่วงประมาณต้นปี 2540 ทักษิณ เคยเป็นที่ปรึกษากลุ่มทุนคาร์ไลล์ โดยได้ให้คำมั่นสัญญากับเส้นสายพรรคพวกต่างชาติ ด้วยการทำหน้าที่ “พ่อสื่อระดับชาติ” ทำหน้าที่จับคู่ระหว่างกลุ่มกองทุนรวมของอเมริกาและกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของประเทศไทย ซึ่งเป็นการให้เห็นถึงการขัดกันของผลประโยชน์ครั่้งแรกๆที่กระทบและบ่อนทำลายอธิปไตยของไทยโดยทักษิณ
- ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยตั้งแต่ 2544-2549 ด้วยการควบรวมพรรคต่างๆ มาเป็นพรรคไทยรักไทย และกระทั่งทุกวันนี้ทักษิณยังคงปกครองประเทศไทยผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดพรรคพวกตัวเองผ่านน้องสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
- ปี 2544 ทักษิณ เริ่มแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เป็นทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะของประเทศ รวมถึงกลุ่มพลังงานของชาติอย่าง ปตท. ซึ่งได้สร้างความยินดีให้กับกลุ่มทุนในวอลสตรีท เป็นอย่างมาก
- ปี 2546 ทักษิณได้ส่งทัพทหารไทยเข้าร่วมในการบุกอิรัคของสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าจะได้รับการประท้วงจากกองทัพไทยและประชาชนชาวไทยทั่วไป นอกจากนี้ทักษิณยังยอมให้ซีไอเอใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำหรับโครงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอันอื้อฉาว อีกด้วย
- ในปีเดียวกัน ทักษิณได้เริ่มทำสงคราม “ปราบปรามยาเสพติด” ซึ่งมีผลทำให้ภายใน 3 เดือน ได้มีการปราบปรามและฆ่าประชาชนอย่างผิดกฎหมายจนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 คน โดยผลการสอบสวนหลังจากนั้นพบว่าประชาชนมากกว่าครึ่งที่เสียชีวิตไปเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการค้าขายยาเสพติดแต่อย่างใด แค่เพียงกรณีนี้อย่างเดียว ทักษิณได้ทำให้ตัวเองเป็นผู้ที่่อื้อฉาวและเลวร้่ายที่สุดในการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประวัติศาสตร์ชาติไทยเป็นไปที่เรียบแล้วร้อยแล้ว
- ในปี 2547 ทักษิณรู้เห็นเป็นใจ ในการฆ่าประชาชนถึง 85 คน ในวันเดียว ในช่วงที่มีการประกาศนโยบายตาต่อตาฟันต่อฟัน ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพืิ้นที่ชายแดนภาคใต้ หรือที่เรียกว่า “กรณีตากใบ” ที่ผู้เสียชีวิตถูกจับมัดมือและทิ้งไว้ในรถบรรทุกทับกันหลายคน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
- ในปีเดียวกัน ทักษิณได้พยายามที่จะผลักดันการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหรัฐ (FTA) โดยไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐ สภา ความตกลงดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน ซึ่งองค์กรนี้ก็คือองค์กรที่เป็นเจ้าภาพให้การต้อนรับแกนนำนปช.ในครั้งที่ไปเยือนสหรัฐอเมริกา ก่อนการเลือกตั้งในปี 2554 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งที่น้องสาวของทักษิณ คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้รับการนำขึ้นสู่อำนาจนั่นเอง
- เป็นที่รู้กันดีว่าตลอดการบริหารงานของเขา ทักษิณได้ข่มขู่และคุกคามสื่อด้วยวิธีการต่างๆ โดย องค์การนิรโทษกรรมสากล ได้ระบุว่า นักสิทธิมนุษยชนจำนวน 18 คน ได้ถูกลอบสังหารหรือหายไปในช่วงเทอมแรกของการบริหารของเขา รวมถึงการหายตัวไปของทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน สมชาย นีละไพจิตร ที่มีการพบเขาครั้งสุดท้่ายในปีนั้นจากการถูกจับกุมของตำรวจและจากนั้นไม่มีใครได้พบเขาอีกต่อไป
- อีกทั้งในช่วงเวลาการบริหารโดยทักษิณ คณะกรรมการคุ้มครองสื่อ ได้ออกรายงานเรื่อง “การคุกคามโจมตีืสื่อมวลชนในประเทศ 2547” โดยระบุว่าระบอบทักษิณได้มีการแทรกแซงสื่อด้วยวิธีการต่างๆเช่น การสนับสนุนทางการเงิน การข่มขูด้วยกฎหมาย รวมถึงการบังคับและควบคุมสื่อ
- ตั้งแต่การรัฐประหารโค่นล้มระบอบทักษิณใน 2549 ทักษิณก็มีกลุ่มนักลงทุนระดับสูงของอเมริกาเป็นตัวแทนให้เขามากมายผ่านกลุ่มทุนชั้นนำและบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่าง ๆ เช่น เคนเน็ธ เอเดลแมน จาก เอเดลแมน พีอาร์, เจมส์ เบเกอร์ จาก เบเกอร์ บ็อตตส์, โรเบิร์ต แบล็ควิลล์ จาก บาร์บูร์ กริฟฟิธ แอนด์ โรเจอร์ส, โคบร์ แอนด์ คิม และล่าสุด คือ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จาก อัมสเตอร์ดัม แอนด์ แพรอฟฟ์
- ในปี 2552 ได้มีกลุ่มมือปืนกราดยิงใส่รถ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชชนเพื่อประชาชนธิปไตย เป็นร้อยๆนัด เพื่อลอบสังหารนายสนธิ ซึ่งเป็นหัวหอกในการต่อต้านระบอบทักษิณ โดยในสนธิได้รับบาดเจ็บแต่รอดมาได้
- ในวันที่ 10 เมษายน 2553 กลุ่มชายชุดดำติดอาวุธที่ถูกว่าจ้างโดยทักษิณและลิ่วล้อ “คนเสืื้อแดง” ได้สังหาร พันเอกร่มเกล้่า ธุวธรรม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาปฏิบัติการกระชับพื้นที่บริเวณอนุสาวรีัย์ประชาธิปไตย โดยกลุ่มเสื้อแดงของทักษิณ ได้มีการปะทะกับทหารนานกว่าสัปดาห์ ก่อนที่จะมีการก่อจราจลและเผาเมือง
- ในเดือนมิถุนายน 2556 นายเอกยุทธ อัญชัญบุตร นักธุรกิจนักธุรกิจชื่อดังเจ้าของเว็บไซต์อินไซเดอร์ ซึ่งประกาศตัวเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณรวมถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ถูกลักพาตัวและฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม
ลิ่วล้อทักษิณกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำอะไรบ้าง
นอกจากการชุมนุมที่มีการใช้ความรุนแรงและการก่อจราจลเผาบ้านเผาเมืองในปี 2552 และ 2553 กลุ่มคนเสื้อแดงของทักษิณได้มีการเคลื่อนไหวที่ใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อน ก่อการร้าย เพื่อสร้่างความกลัวให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อปิดปากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศไทยให้อยู่ในความเงียบมานานหลายปี
รูป - ในขณะที่ระบอบทักษิณที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศตะวันตก ได้อ้างว่าความรุนแรงในปี2553 เป็นผลมาจากการปราบปรามอันโหดร้ายของทหารต่อผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ แต่ในความเป็นจริง ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการใช้กำลังจากนักรบรับจ้างที่มีการติดอาวุธจำนวน300 คน เพื่อเสริมทัพให้กับคนเสิ้อแดง ในรูปคือ “กลุ่มคนเสื้อดำ” ซึ่งมีผลทำให้มีคนตายจำนวน 92 คน
....
ปี 2551 กลุ่มคนเสื้อแดง ได้บุกล้อมบ้านของนายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา-เจ้าของวิทยุชุมชนสถานีวิหคเรดิโอ และได้รุมทำร้่ายและฆ่าพ่อของนายเทอดศักดิ์อย่างโหดเหี้ยม ขณะที่พยายามหลบหนี โดยหลังจากเกิดเหตุ นางกัญญาภัค มณีจักร (ดีเจอ้อม) ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึั้น กลุ่มคนเสื้อแดงทำตามสิ่งที่หัวใจพวกเขาเรียกร้อง สะท่้อนชัดเจนว่ากลุ่มคนเสื้อแดงนิยมใช้ความรุนแรง
- ในปี 2552 ในช่วงที่เกิดจราจลจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเดือนเมษายน กลุ่่มคนเสื้อแดงได้สังหารประชาชนที่นางเลิ้งจำนวน 2 คน ที่พยายามป้องกันไม่ให้คนเสื้อแดงมาเผาชุมชนนางเลิ้ง
- นอกจากนี้ในปีเดียวกัน กลุ่มคนเสื้อแดงได้ก่อความรุนแรงด้วยการปาหินใส่และปราศรัยโจมตี ขัดขวางการจัดงานขบวนพาเหรดของกลุ่มรักร่วมเพศที่จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้เรื่องโรคเอดส์ จนตำรวจที่ดูแลการจัดงานต้องประกาศยุติขบวนพาเหรดดังกล่าวในที่สุด
- ระหว่างช่วงวิกฤตการเมืองที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดงมักจะมีการบุกบ้านฝ่ายตรงข้ามและมีการข่มขู่ทุกคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ เช่น กรณี การล้อมบ้านของนางดวงเดือน ณ เชียงใหม่ หรือ เจ้าดวงเดือน ประธานสภาวัฒนธรรมเชียงใหม่ รวมถึง กรณี การโจมตีการชุมนุมอย่างสงบของกลุ่มผู้ต่อต้านระบอบทักษิณที่มหาวิทลาลัยเชียงใหม่ และกรณีการประท้วงต่อต้านระบอบทักษิณ ในหลายๆจังหวัดที่กลุ่มคนเสื้อแดงมักมีการใช้กำลังเข้าทำร้ายข่มขู่อย่างต่อเนื่อง
ทำไมการเลือกตั้งตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้
ระบอบทักษิณที่มีรัฐบาลจากประเทศตะวันตกหนุนหลัง ยืนกรานว่าการแก้ไขปัญหาทางตันการเมืองไทย ทำได้โดยต้องมีการ “เลือกตั้ง”เท่านั้น แน่นอนว่าข้อเสนอนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะ ระบอบการเมืองในปัจจุบันพรรคเพื่อไทยได้เปิดโอกาสให้ทักษิณ ชินวัตร อาชญากรที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาและผู้ลี้ภัย และเป็นผู้ที่ไ่ม่ได้มีชื่อในบัตรเลือกตั้งและไม่ได้อยู่ในประเทศในช่วงที่มีการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาด้วยซ้ำ แต่ที่ผ่านมาทักษิณก็ได้ดำเนินการควบคุมประเทศอย่างเบ็ดเสร็จและจะควบคุมต่อไปหลังการเลือกตั้งที่จะเกิดในอนาคตผ่านรัฐบาลหุ่นเชิดอีก
ในขณะที่ประเทศไทยดูเหมือนว่าในทางเทคนิคแล้ว ได้มีรัฐบาลภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ทักษิณ ยังคงมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการทั้งหมด เห็นได้จากสโลแกนการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา พรรคเพืื่อไทยประกาศว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” โดยนิตยสารฟอร์บได้รายงานบทความที่ใช้ชื่อว่า "ทักษิณพลัดถิ่น: ให้คำปรึกษาน้องสาวขุดทอง" ระบุว่า
“เมื่อถามถึงบทบาทการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของพรรคเพื่อไทยและนโยบายต่างๆ ทักษิณไม้ได้มีความอายที่บอกว่า “เขาเป็นคนที่คิดสโลแกนทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
สำหรับปีครึ่งที่ผ่านมา การตัดสินใจทางการเมืองที่สำคัญของประเทศนี้ในประเทศที่มีประชากร 65 ล้านคน มาจากบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ โดยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้หลบหนีความผิดการทุจริตออกจากนอกประเทศตั้งแต่ปี 2551
ผู้ลี้ภัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอย่างทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางรอบโลกด้วย เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเขา และพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงผ่านโทรศัพท์มือถือ และการส่งข้อความผ่านทางช่องทางต่างๆ และอ่านเอกสารต่างๆของรัฐบาลผ่านอีเมล์ที่ได้รับการส่งมาจากบรรดาสมุนของเขาไม่ว่าจะเป็นจากคณะรัฐมนตรีและจากพรรคเพื่อไทย
นิวยอร์คไทม์ ยังได้รายงานด้วยว่า
“ทักษิณคือคนกำหนดนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยนโยบายต่างๆที่มีการผลักดันในการเลือกตั้งที่ผ่านมา มาจากทักษิณ” นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัวของทักษิณ ระบุ
ในรูป “ นสพ.นิวยอร์คไทม์ เปิดเผยชัดเจนว่า ประเทศไทยตอนนี้กำลังถูกบริหารโดย ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและยังเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองหนีคดีทุจริตคอรัปชั่น และเป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลหุ่นเชิดแบบนี้เป็นรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมทั้งในมาตรฐานของประเทศไทยและนานาชาติ แต่เป็นเพราะความสัมพันธ์อันดีของทักษิณและต่างชาติ ทำให้ทักษิณได้รับการยกโทษ ซึ่งตรงนี้ก็เหมือนกับการ์ตูนล้อเลียนเผด็จการในโลกที่สาม”
....
ดังนั้น จึงเป็นที่แน่ชัดว่าประเทศไทยในตอนนี้ถูกบริหารโดยรัฐบาลตัวแทนหุ่นเชิดของ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรสังหารหมู่ และเป็นผู้ที่ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก2 ปี จากคดีทุจริตคอรัปชั่น และเป็นผู้ที่ต้องคดีที่ในศาลอีกหลายคดี ที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นการปกครองของเผด็จการ ที่กำลังจะล้างความผิดต่างด้วยการเลือกตั้งอัปยศ
การเลือกตั้งที่มีอาชญากรร่วมด้วยแบบนี้ย่อมเป็นที่รับไม่ได้ในทุกประเทศและประเทศไทยก็เช่นกัน คนไทยไม่สามารถยอมรับการเลือกตั้งแบบนี้ได้จนกว่าจะมีการปฏิรูปเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
การเลือกตั้งในประเทศอื่น ๆ ที่มีความผิดทางอาญาที่ถูกตัดสินอย่างเปิดเผยการทำงานของบุคคลที่ยืนยันจะเป็นที่ยอมรับไม่ได้ - และในประเทศไทยเป็นอย่างดีพวกเขาเป็นที่ยอมรับไม่ได้อย่างเท่าเทียมกันจนกระทั่งหลังจากการปฏิรูปที่ป้องกันไม่ให้วงจรอุบาทก์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกครั้ง
ภาพลวงตาของ “ความนิยม” ต่อทักษิณ ชินวัตร
ในขณะที่ระบอบทักษิณซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก มักจะอ้างเสมอว่า พวกเขาเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย แต่พวกเขาควรจะระลึกไว้ว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2554 ที่จัดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยผลการเลือกตั้งระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียง 15.7 ล้าน จากผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนประมาณ 32.5 ล้านคน (74%ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง) โดยรัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณได้เพียงแค่ 48% ไม่ถึงครึ่งของผู้มาเลือกตั้งด้วยซ้ำ และคิดเป็นแค่35 % ของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดเท่านั้น เห็นได้ว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่แต่อย่างใด
นอกจากนี้ในปี 2553 มูลนิธิเอเชีย ได้ออกรายงานผลสำรวจความคิดเห็น "ผลการสำรวจ : ความท้่าทายต่อความคิดการแบ่งแยกประเทศไทย” โดยระบุว่า มีประชาชนแค่ 7% เท่านั้นที่ประกาศตัวเองว่า เป็น “คนเสื้อแดง” กับอีก7% ที่ระบุว่าตัวเองมี “ความโน้มเอียงที่จะเป็นคนเสื้อแดง” และผลการสำรวจยังระบุว่าคนไทยส่วนใหญ่ขอเป็น “พลังเงียบ”
เห็นได้จาก ช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้มีการก่อความรุนแรงและการจราจลและการก่อการร้ายจากกองกำลังติดอาวุธในช่วงที่ทักษิณ ต้องการกลับมามีอำนาจในปี 2553 มีประชาชนเพียงแค่ 37%เท่านั้นที่ตำหนิรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะที่ 40% ตำหนิทักษิณ และ อีก 4 % เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกัน และที่เหลืออีก 19% ไม่แน่ใจ ในขณะที่ประชาชน 62%เห็นว่า ทหาร( ซึ่งเป็นฝ่ายทำปฏิวัติล้มทักษิณในปี 2549และคืนความสงบเรียบร้อยสู่ประเทศไทยในช่วงการชุมนุมทางการเมืองปี 2552-2553) เป็นสถาบันที่มีความสำคัญและมีความเป็นอิสระในการปกป้องและดูแลความมั่นคงของประเทศ
บทบาทของทหาร หลายคนคงคิดว่าทหารมีบทบาทมากมายในการเมืองไทย ขณะที่บางส่วนเห็นว่าเป็นสถาบันที่มีความสำคัญและมีความเป็นอิสระ โดยจากกราฟในปี 2553 ประชาชน63% เห็นว่าทหารเป็นสถาบันที่มีความสำคัฐและเป็นอิสระ ซึ่งแม้แต่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานที่มั่นของระบอบทักษิณสถาบันทหารยังได้รับการยอมรับและสนับสนุนถึง 61% กลุ่มที่ไม่เอาทหารเป็นเพียงแค่กลุ่มคนส่วนน้อยที่เป็นเสื้อแดง ซึ่งในระหว่างพวกเขาเองมีถึง 30%ที่สนับสนุนทหาร โดยมีเพียง 7%เท่านั้นที่่ระบุว่าตนเองเป็นเสื้อแดง เห็นได้ว่า เมื่อเอาตัวเลขมาดูกันชัดความนิยมในตัวทักษิณก็เป็นเพียงแต่ภาพลวงตาเท่่านั้น
....
ก้าวต่อไปเพื่อที่จะปิดเกม
การประท้วงอย่างสงบจะยังคงมีต่อไป เพื่อที่จะต่อต้านรัฐบาลเถื่อนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนกว่าจะทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลชุดนี้ และสามารถมีอำนาจตามกฎหมายในการบริหารและปฏิรูปประเทศนี้ อย่างไรก็ตามระบอบทักษิณยังคงคาดหวังที่จะใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมด้วยวิธีการก่อการร้่่ายแบบที่เคยทำมาเพื่อข่มขู่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ประท้วง แต่พวกเขาก็กลัวว่าวิธีการแบบน้ั้นจะเป็นการกระตุ้นทหารให้เข้ามาแทรกแซง นั่นหมายความว่า มีแนวโน้มว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะไม่มากพอที่จะทำให้ผู้ชุมนุมลดน้อยลงไปได้
สำหรับตอนนี้ผู้ประท้วงที่กำลังปักหลักในพื้นที่ชุมนุมในถนนหลายสายสามารถอยู่ต่อไปได้อีกอย่างน้อย 3-4 วันได้อย่างไม่มีปัญหา และใน 3-4 วันนี้ พวกเขาสามารถเตรียมการได้เต็มที่ที่จะอยู่ยาว และนี่เป็นโอกาสทองสำหรับผู้ชุมนุมที่จะสามารถจัดตั้ง “รัฐบาลเงา” ด้วยการเริ่มการบริหารจัดการพื้นที่ที่พวกเขายึดได้จากรัฐบาล โดยการบริหารพื้นที่ตรงนี้ควรเปิดโอกาสให้สาธารณะเข้าร่วมไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจและหรือประชาชนที่ได่้รับความเดือดร้อนจากรัฐบาล เพื่อเป็นการย้ำความไม่ชอบธรรมของการคงอยู่ของรัฐบาลหุ่นเชิิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่เชียงใหม่เท่านั้น
อย่างที่ได้ย้ำมาแล้วหลายครั้งว่า ผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณไม่ได้ต่้องการยกเลิก “ระบอบประชาธิปไตย” แต่พวกเขาต้องการที่จะหยุดระบอบประชาธิปไตยที่ถูกควบคุมโดยอาชญากรชื่อทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อระบอบทักษิณได้พ้นจากประเทศไทยไปอย่างสมบูรณ์แล้ว