ตั้งแต่ Times ได้ออกรายงานเตือนว่า “กลุ่มคนเสื้อแดง” ลิ่วล้อระบอบทักษิณ ได้เตรียมการสะสมอาวุธโจมตีผู้ประท้วงในกรุงเทพฯ ทำให้ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการใช้ระเบิดมือโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมถึง 3 คร้ั้ง โดยมุ่งเป้าที่แกนนำผู้ชุมนุมและมีการลอบยิงโจมตีการชุมนุมทำให้มีการ์ดหนึ่่งคนได้รับบาดเจ็บ
19 ม.ค.2557 - การยึดกรุงเทพฯ ของมวลมหาประชาชนเพื่อต่อต้านเผด็จการที่มีสหรัฐหนุนหลังอย่างทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลตัวแทนหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายรายวันโดยระบอบทักษิณ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16ม.ค.2557 ที่ผ่านมา นิตยสารไทม์ ได้ออกรายงานเรื่อง “กรุงเทพชัตดาวน์:กลุ่มลิ่วล้อยิ่งลักษณ์เตรียมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” (Bangkok Shutdown: Yingluck Supporters Prepare to Fight for Democracy) โดยรายงานระบุว่า
จากการที่ผู้ชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ ผู้สังเกตการณ์พบว่า มีแนวโน้มว่าจะมีการเผชิญหน้าและมีความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น โดยมีการรายงานมีการสะสมอาวุธของกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลในกรณีที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกขับไล่
รวมถึงตามที่ นสพ.บางกอกโพสต์ ได้ระบุว่า กลุ่มหัวรุนแรงเสื้อแดงของยิ่งลักษณ์และทักษิณ ชินวัตร กำลังซ่องสุมอาวุธ ในกรณีที่ยิ่งลักษณ์ ต้องถูกขับไล่หรือจากการแทรกแทรงของทหารและศาล โดยในรายงานระบุว่าการให้การของแหล่งข่าวจากเสื้อแดงว่า
"ขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้มีอารมณ์ในการต่อต้านรัฐประหารและศาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดที่มีการคุ้นเคยและมีประสบการณ์การใช้อาวุธ”
"ขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้มีอารมณ์ในการต่อต้านรัฐประหารและศาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดที่มีการคุ้นเคยและมีประสบการณ์การใช้อาวุธ”
โดยในวันถัดมาการโจมตีได้เริ่มขึ้น ( 17 ม.ค.2557) โดยครั้งแรกได้มีการปาระเบิดมือใส่กลุ่มชุมนุมที่มีการประท้วงอย่างสงบ ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และ บาดเจ็บอีก39 คน โดยในขณะนั้น นายสุเทพ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุแค่ 30 เมตร เท่านั้น ชี้ให้เห็นว่าเหตุระเบิดครั้งนี้มีเป้าหมายในการลอบสังหารนายสุเทพ หลังจากนั้นกลุ่่มผู้ชุมนุมได้ช่วยกันล้อมตึกร้างซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดที่คนร้่ายใช้ลงมือก่อเหตุ โดยมีการพบคลังอาวุธและเซฟเฮาส์ เหมือนที่นิตยสารไทม์ ระบุไว้
หลังจากนั้่นเมื่อคืนวันที่ 18 ม.ค.2557 ได้มีมือปืนบุกยิงหลังของการ์ดของกปปส. ที่บริเวณที่ชุมนุมห้าแยกลาดพร้าว
ในภาพ : ผู้บาดเจ็บหลังจากถูกการโจมตีระเบิดถึงสองครั้งในเวลากลางวันแสกๆ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สถานที่ชุมนุมหลัก ภายในการ “การยึดกรุงเทพฯ” โดยระบอบทักษิณมีการใช้การก่อการร่้ายข่มขู่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องทั้งการใช้ระเบิดในเวลากลางวันและการลอบยิงในเวลากลางคืน ในขณะที่สหรัฐได้ออกอาการต่อต้านกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างหนัก โดยจงใจที่จะละเว้นการก่อการร้่ายของระบอบทักษิณที่สหรัฐได้สนับสนุนมานานเกือบสิบปี ....
ขณะที่วันนี้ (19 ม.ค. 2557) ได้มีการโจมตีด้วยระเบิดถึงสองครั้งซ้อนทีี่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีเป้าหมายเพื่อระเบิดเวที ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 30 คน หนึ่งในนั้นเป็นหลานชาย ของนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส.ด้วย โดยระเบิดที่ใช้เป็นชนิดเดียวกับการก่อเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งที่มีการประกาศจากระบอบทักษิณอย่างชัดเจนก่อนการโจมตีเพียงแค่หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุเท่านั้น แต่ระบอบทักษิณ ได้ให้ พล.ต.ต.อดุลย์ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) แถลงว่า
“การโจมตีเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2557 เกิดจากการสร้างสถานการณ์ระเบิดพวกเดียวกันเองของกลุ่มผู้ประท้วง ที่โยนระเบิดใส่เท้าของตัวเองก่อนวิ่งหนีออกไป โดยเห็นได้จากวิดิโอคลิปที่มีชายใส่หมวกสีขาวเดินผ่านจุดเกิดเหตุและทำระเบิดหล่น การวิ่งไปหาที่หลบภัย โดย 5 วินาที หลังจากนั้นมีการระเบิดเกิดขึ้น” บางกอกโพสต์ ระบุ
แต่น่าเสียดายสำหรับทฤษฎีของ พล.ต.ต.อดุลย์ ที่แม้แต่วิดิโอที่เอามาโชว์ก็เห็นชัดเจนว่าระเบิดดังกล่าวถูกปามาจากที่สูงใกล้ตึกร้าง ที่ 00:12 วินาที นอกจากนี้ยังมีเวลาระเบิดระเบิดสูงสุดของ 2-3 วินาทีเท่านั้น ไม่ใช่ 5 วินาทีตามที่พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวอ้าง อีกทั้งระเบิดมือในลักษณะนี้ต้องมีการโยนไม่ใช่การทำหล่นแล้ววิ่งออกไป ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยที่จะเป็นแบบนัั้น สิ่่งที่ พล.ต.ต.อดุลย์ กำลังอธิบาย การระเบิดครั้งนี้คือความพยายามในการปฏิบัติการระเบิดพลีชีพ ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อสรุปที่หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิดที่มาที่จุดเกิดเหตุระบุไว้
หากจำกันได้ พล.ต.ต.อดุลย์ ผู้นี้เคยถูกจับโกหกคาหนังคาเขา กรณีความรุนแรงที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2556 ที่เขาอ้างกลุ่มผู้ประท้วงได้แต่งกายคล้่ายตำรวจและได้ทำลายรถยนต์ของพวกเดียวกัน และยังแต่งกายเป็นชายชุดดำที่ด่านฟ้าของกระทรวงแรงงาน ก่อนที่ในที่สุด พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะออกมายอมรับว่า กลุ่มคนดังกล่าวทั้งที่ทุบตีรถของผู้ชุมนุมและที่อยู่บนหลังคาของกระทรวงแรงงานเป็น “ตำรวจจริง” และยืนยันว่าจะสอบสวนเรื่องนี้
US-Backs Terrorist Regime “สหรัฐอเมริกา”หนุนหลังการก่อการร้ายของระบอบทักษิณ
จากการที่ระบอบทักษิณยังไม่สามารถที่จะรวบรวมตำรวจเพื่อที่จะควบคุมกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากที่ยังคงปักหลัก ยึดกรุงเทพฯ ได้ จึงเป็นที่มาของการโจมตึด้วยวิธีการก่อการร้่ายแบบนี้ที่น่าจะทำให้ผู้ชุมนุมหวาดกลัวและส่งผลให้ผู้ชุมนุมลดลงได้ก่อนที่ทั้งตำรวจและกลุ่มคนเสื้อแดงจะผนึกรวมกันเพื่อผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม ระบอบทักษิณมั่นใจว่าจะยังสามารถปฏิบัติก่อการร้่ายกับผู้ชุมนุมที่มีการประท้วงอย่างสงบไปได้เรื่อยๆ เพราะได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากสหรัฐอเมริกา เห็นได้จากการรายงานข่าวอย่างบิดเบือนจากสำนักข่าวตะวันมานานนับเดือนที่หนุนหลังระบอบทักษิณและมีอคติกับผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็น BBC, Reuters, the Wall Street Journal, the New York Times, และรายงานจาก สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations CFR).
The Washington Post ได้เปิดฉากเรียกร้องให้ สหรัฐออกมาประณามผู้ชุมนุมและสนับสนุนให้ระบอบทักษิณ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ในบทบรรณาธิการ “"กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านประชาธิปไตย ควรได้รับการตำหนิอย่างรุนแรงจากสหรัฐ) Thailand’s anti-democracy protests should provoke a harsh rebuke from the U.S." และบทบรรณาธิการดังกล่าวได้ถูกอ้างในจดหมายของสมาขิกสภาของสหรัฐ นาย ไมเคิล เทอร์นเนอร์ ที่อ้อนวอนให้ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ประณามผู้ประท้วง และหนุนให่้ระบอบทักษิณได้เดินหน้าสู่การเลือกตั้งอันอัปยศในวันที่ 2 ก.พ.นี้
เพื่อที่จะทำความเข้าใจว่าทำไมสหรัฐถึงได้้สนับสนุนระบอบเผด็จการก่อการร้าย ต้องมาดูว่าตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาทักษิณ ชินวัตร ได้ทำตัวเป็นข้าทาสรับใช้สหรัฐและชาติตะวันตกให้มาก้าวก่ายอำนาจอธิปไตยไทยอย่างไรบ้าง:
- ช่วงประมาณต้นปี 2540 ทักษิณ เคยเป็นที่ปรึกษากลุ่มทุนคาร์ไลล์ โดยได้ให้คำมั่นสัญญากับเส้นสายพรรคพวกต่างชาติ ด้วยการทำหน้าที่ “พ่อสื่อระดับชาติ” ทำหน้าที่จับคู่ระหว่างกลุ่มกองทุนรวมของอเมริกาและกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของประเทศไทย ซึ่งเป็นการให้เห็นถึงการขัดกันของผลประโยชน์ครั่้งแรกๆที่กระทบและบ่อนทำลายอธิปไตยของไทยโดยทักษิณ
- ปี 2544 ทักษิณ เริ่มแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เป็นทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะของประเทศ รวมถึงกลุ่มพลังงานของชาติอย่าง ปตท. ซึ่งได้สร้างความยินดีให้กับกลุ่มทุนในวอลสตรีท เป็นอย่างมาก
- ปี 2546 ทักษิณได้ส่งทัพทหารไทยเข้าร่วมในการบุกอิรัคของสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าจะได้รับการประท้วงจากกองทัพไทยและประชาชนชาวไทยทั่วไป นอกจากนี้ทักษิณยังยอมให้ซีไอเอใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำหรับโครงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอันอื้อฉาว อีกด้วย
- ในปีเดียวกัน ทักษิณได้พยายามที่จะผลักดันการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหรัฐ (FTA) โดยไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐ สภา ความตกลงดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน ซึ่งองค์กรนี้ก็คือองค์กรที่เป็นเจ้าภาพให้การต้อนรับแกนนำนปช.ในครั้งที่ไปเยือนสหรัฐอเมริกา ก่อนการเลือกตั้งในปี 2554 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งที่น้องสาวของทักษิณ คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้รับการนำขึ้นสู่อำนาจนั่นเอง
- ตั้งแต่การรัฐประหารโค่นล้มระบอบทักษิณใน 2549 ทักษิณก็มีกลุ่มนักลงทุนระดับสูงของอเมริกาเป็นตัวแทนให้เขามากมายผ่านกลุ่มทุนชั้นนำและบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่าง ๆ เช่น เคนเน็ธ เอเดลแมน จาก เอเดลแมน พีอาร์, เจมส์ เบเกอร์ จาก เบเกอร์ บ็อตตส์, โรเบิร์ต แบล็ควิลล์ จาก บาร์บูร์ กริฟฟิธ แอนด์ โรเจอร์ส, โคบร์ แอนด์ คิม และล่าสุด คือ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จาก อัมสเตอร์ดัม แอนด์ แพรอฟ
- ระหว่างช่วงวิกฤตการเมืองที่เกิดขึั้นทีี่ผ่านมานี้ สื่อตะวันตกต่างให้การสนับสนุนระบอบทักษิณอย่างเต็มที่และต่อต้านผู้ชุมนุมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น BBC, Reuters, t New York Times, CNN, Wall Street Journal, และตอนนี้ the Washington Post.
เห็นได้ชัดเจนว่าผลประโยชน์ของสหรัฐในประเทศไทย ไม่ได้มีอะไรที่เกีี่ยวกับการ “ปกป้องประชาธิปไตย” และไม่ได้กังวลกับการถูกข่มขู่คุกคามของประชาชนที่เกิดในสมัยทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ ผลประโยชน์ของสหรัฐมีแค่เรื่องทางการเงินและการเมืองเท่านั้น การสนับสนุนของสหรัฐได้ทำให้ระบอบทักษิณเข้มแข็งขึ้น ทั้งที่เวลาของระบอบทักษิณน่าจะหมดลงและออกไปจากระบอบการเมืองไทยอย่างสงบ
แต่ตรงกันข้าม สหรัฐกลับสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งอัปยศ รวมถึงการใช้ความรุนแรงในการต่อต้านกลุ่่มตรงข้ามจนเลือดตกยางออกและมีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีิวิตลงทุกวัน ขณะที่สื่อตะวันตกกลับปกปิดความโหดร้่ายอำมหิตของระบอบทักษิณในข่าวต่างๆด้วยการเสนอข่าวของระบอบทักษิณที่แถลงเรื่องต่างๆเหมือนในการ์ตูนตรงข้ามกลับความเป็นจริงและหลักฐานต่างๆอย่างสิ้นเชิง
ทุกวันนี้คนไทยถูกทิ้งให้ถามตัวเองว่าพวกเขาควรจะหันไปหาใคร เมื่อตำรวจเสียเองที่ขัดขวางความยุติธรรมและยังมีส่วนในการปกป้องกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ลงมือโจมตีเข่นฆ่าผู้ชุมนุมที่มีการประท้วงอย่างสงบ ทั้งนี้การโจมตีทุกครั้งได้ทำให้ทหารต้องลงมาทำหน้าที่บนถนนมากขึ้น เพราะตำรวจไม่เต็มใจที่จะทำงานของตัวเอง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมประชาชนคนไทยจึงยอมรับบทบาทกองทัพ
ระบอบทักษิณถูกทิ้งไว้กับการพนันว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละวันทหารจะมีการตอบโต้อย่างไรบ้่าง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าประเทศตะวันตกได้มีการให้คำสัญญาและให้การสนับสนุนอย่างไร เหมือนกับกรณีของกลุ่มมุสลิมภราดรภาพในประเทศอียิปต์และกลุ่มก่อการร้ายในประเทศซีเรียที่สหรัฐหนุนหลัง ซึ่งน่าจะเป็นการเล่นพนันที่ระบอบทักษิณต้องพิจารณาให้มากๆ
แต่ตรงกันข้าม สหรัฐกลับสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งอัปยศ รวมถึงการใช้ความรุนแรงในการต่อต้านกลุ่่มตรงข้ามจนเลือดตกยางออกและมีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีิวิตลงทุกวัน ขณะที่สื่อตะวันตกกลับปกปิดความโหดร้่ายอำมหิตของระบอบทักษิณในข่าวต่างๆด้วยการเสนอข่าวของระบอบทักษิณที่แถลงเรื่องต่างๆเหมือนในการ์ตูนตรงข้ามกลับความเป็นจริงและหลักฐานต่างๆอย่างสิ้นเชิง
ทุกวันนี้คนไทยถูกทิ้งให้ถามตัวเองว่าพวกเขาควรจะหันไปหาใคร เมื่อตำรวจเสียเองที่ขัดขวางความยุติธรรมและยังมีส่วนในการปกป้องกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ลงมือโจมตีเข่นฆ่าผู้ชุมนุมที่มีการประท้วงอย่างสงบ ทั้งนี้การโจมตีทุกครั้งได้ทำให้ทหารต้องลงมาทำหน้าที่บนถนนมากขึ้น เพราะตำรวจไม่เต็มใจที่จะทำงานของตัวเอง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมประชาชนคนไทยจึงยอมรับบทบาทกองทัพ
ระบอบทักษิณถูกทิ้งไว้กับการพนันว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละวันทหารจะมีการตอบโต้อย่างไรบ้่าง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าประเทศตะวันตกได้มีการให้คำสัญญาและให้การสนับสนุนอย่างไร เหมือนกับกรณีของกลุ่มมุสลิมภราดรภาพในประเทศอียิปต์และกลุ่มก่อการร้ายในประเทศซีเรียที่สหรัฐหนุนหลัง ซึ่งน่าจะเป็นการเล่นพนันที่ระบอบทักษิณต้องพิจารณาให้มากๆ