ความอัปยศของนักโฆษณาชวนเชื่อที่รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติกำลังบ่อนทำลายและเป็นภัยต่อประชาคมนักวิชาการแท้
English version here: "
Exposing Fake Academics & Their Foreign Backers"
9 มิ.ย. 2557 (โทนี่ คาร์ตาลุชชี่ - ATN) - การยึดอำนาจของกองทัพเมื่อ 22 พ.ค. 2557 ได้ขับไล่ระบอบของอาชญากรที่ถูกตัดสินลงโทษ หนีคดี และมหาเศรษฐีผู้ต้องหาคดีสังหารหมู่ชื่อทักษิณ ชินวัตร และได้"เขย่าต้นไม้" ล้มล้าง และเปิดโปงการบ่อนทำลายของเครือข่ายต่างๆของทักษิณ ซึ่งต่างชาติให้ทุนสนับสนุน ที่ได้ดำเนินการมาเป็นเวลานานหลายปี เพื่อที่จะช่วยเหลือสนับสนุนความพยายามของทักษิณในการกัดกร่อน ล้มล้าง สถาบันหลักและความมั่นคงทางการเมืองของไทย
(ภาพ 1: ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามสี ชมเชยคนเสื้อแดงอย่างเปิดเผย และยังได้ร่วมในการประท้วงของจักรกลทางการเมืองของทักษิณกลุ่มนี้ด้วย ปิ่นแก้วได้รับเงินสนับสนุนจากยูเซดและโอเพ่นโซไซตีและขณะนี้กำลังติดต่อให้ทั้งสององค์กรช่วย"กดดัน" กองทัพ หลังจากที่มีการขับไล่ทักษิณจากขุมอำนาจและปราบปรามเครือข่ายที่บ่อนทำลายของทักษิณ ซึ่งมีปิ่นแก้วเองเป็นส่วนหนึ่งในนั้น การล้อเลียนด้วย"กรวยศักดิ์สิทธิ์"ดังในภาพก็เชื่อมโยงกับการล้อเลียนบนเวทีเสื้อแดงด้วย)
การบ่อนทำลายดังกล่าวรวมไปถึงกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธกลุ่มใหญ่ ซึ่งได้สะสมคลังอาวุธไว้ทั่วประเทศ รอการก่อ"สงครามกลางเมือง" ส่วนอีกเครือข่ายหนึ่งก็คือกลุ่มนักวิชาการเทียมที่ได้รับการสนับสนุนทุนจากต่างประเทศ นักวิชาการเหล่านี้หลบซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมของตำแหน่ง ความน่าเชื่อถือทางวิชาชีพ และความเป็นอาจารย์ คอยเที่ยวเร่ขายโฆษณาชวนเชื่อเพื่อโปรโมททักษิณ โปรโมทโลกาภิวัฒน์ แต่มุ่งโจมตีสถาบันหลักต่างๆของชาติ แทนที่ด้วยองค์กรอิสระที่ได้รับการสนับสนุนบริษัทิทุนข้ามชาติจากต่างประเทศ
เราได้เคยอธิบายอย่างละเอียดถึง
กลุ่มองค์กรของวอชิงตัน กองทุนเพื่อประชาธิปไตยของสหรัฐ
ฯ องค์กรอิสระต่างๆที่ได้รับทุนสน
ับสนุน หลักๆประกอบด้วย ประชาไท มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุม
ชน สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน องค์กรเหล่านี้ทั้งหมดได้ออกมาเ
คลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านความพยายามที่จะปรามปราม
จักรกลทางการเมืองของระบอบทักษิ
ณ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสท์ตีพิมพ์
บทความเรื่อง"การประท้วงรัฐประห
ารบนท้องถนนกับสื่อสารสังคม" รายงานว่า:
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สหภาพเพื่อเสรีภาพพลเมือง และมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม ได้เรียกร้องให้กลับคืนสู่ระบอบ
พลเรือนประชาธิปไตย และให้กองทัพกลับเข้ากรมกอง
คำเรียกร้องนี้เกือบจะคัดลอกคำต
่อคำจากคำเรียกร้องของกระทรวงกา
รต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ประนามรัฐประหาร และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโ
ดยทันที ซึ่งจะคืนอำนาจให้กับระบอบทักษิ
ณอีกครั้งหนึ่ง สิ่งนี้ย่อมบ่งบอกถึงบทบาทที่แท
้จริงของขององค์กรอิสระเหล่านี้
นั่นคือการสะท้อนเสียงของกระทรว
งการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้เป็นสำเนียงท้องถิ่นนั่นเอง
เฉพาะประชาไทองค์กรเดียวก็ได้รั
บเงินสนับสนุนต่างชาติจำนวนหลาย
ล้านบาทต่อปี ความจริงนี้เพิ่งถูกเปิดเผยในปี
2554 ภายหลังจากที่มีการเรียกร้องควา
มโปร่งใสขององค์กร ทำให้ต้องมีการเปิดเผยบางส่วนออ
กมา การเปิดเผยเงินทุนสนับสนุนของปร
ะชาไททำถึงเพียงปีงบประมาน 2554-2555 และทำเฉพาะภาคภาษาอังกฤษเท่านั้
น ผู้อ่านประชาไทภาคภาษาไทยจนถึงท
ุกวันนี้ ยังคงถูกเชิญชวนให้บริจาค โดยไม่เคยรับทราบเลยว่าองค์กรนี
้ได้รับเงินทุนสนับสนุนเป็นล้าน
ๆทุกๆปี จนถึงทุกวันนี้เว็บไซต์ทางการขอ
งกองทุนเพื่อประชาธิปไตยของสหรั
ฐฯยังคงประกาศรายชื่อประชาไทเป็
นผู้รับเงินสนับสนุนอยู่
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้เท่านั้น
เราจึงจะเข้าใจบทบาทที่องค์กรอิ
สระอำพรางปราศจากความโปร่งใสเหล
่านี้ กำลังเล่นละครตบตาอยู่บนเวทีสาน
สัมพันธ์ระหว่างผลประโยชน์ต่างช
าติกับประชาคมนักวิชาการเทียมทา
สเงินต่างแดน
เชียงใหม่ - อดีตศูนย์กลางแห่งอำนาจทางการเมืองของทักษิณขอเริ่มที่ภาคเหนือประเทศไทย ศูนย์กลางแห่งอิทธิพลทางการเมือ
งของทักษิณคือมหาวิทยาลัยเชียงใ
หม่ ภาคเหนือยังเป็นแหล่งกำเนิดของก
ลุ่ม"รักเชียงใหม่51" เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่นๆขอ
งไทย มช.ก็เป็นแหล่งของเหล่านักวิชาก
ารมืออาชีพ ที่มีทักษะความสามารถหลากหลาย
แต่เมื่อเครือข่ายแห่งการบ่อนทำ
ลายของทักษิณเริ่มกัดกร่อนประเท
ศไทยแบบสนิมใน มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ประสบเคราะ
ห์กรรมของการที่เป็นแหล่งของบุค
คลอย่างปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ปิ่นแก้วเอง"ศึกษาเรียนรู้"ขบวน
การคนเสื้อแดงของทักษิณอย่างสม่
ำเสมอ และเข้าร่วม"การสัมมนา"ศึกษาคุณ
ค่า"การพิทักษ์ประชาธิปไตย"ของข
บวนการ เธอถึงกับกลัาชี้แจงระหว่างการส
ัมมนาครั้งหนึ่งว่า เธอประทับใจคนเสื้อแดงคนหนึ่ง เพราะเขาสารภาพว่าเคยศรัทธาในสถ
าบันกษัตริย์อันเป็นที่เคารพของ
ไทย แต่บัดนี้ได้เปลี่ยนข้างแล้ว
การที่ปิ่นแก้วไม่อาจรักษาความเ
ป็นกลาง ความเป็นมืออาชีพ และความเป็นนักวิชาการ ภายใต้วาระซ่อนเร้นทางการเมืองข
องเธอ ย่อมเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน
์ มิเพียงเท่านั้น เธอยังมีกิจการสิ่งที่เธอเรียกว
่า"ร้านหนังสือ" ซึ่งรับเงินสนับสนุนจากยูเซด และมูลนิธิโอเพ่นโซไซตีของอาชญา
กรทางการเงิน จอร์จ โซรอส ร้านหนังสือควรจะทำรายได้จากการ
จำหน่ายหนังสือ แต่ร้านหนังสือของเธอกลับรับเงิ
นสนับสนุนจากองค์กรรัฐบาลต่างด้
าวไม่เพียงแค่หนึ่ง แต่เป็นสององค์กร สิ่งนี้ทำให้ต้องสงสัยว่าร้านหน
ังสือของเธอ "บุ๊ครีพับลิก" เพียงแค่ฉากบังหน้าหรือไม่
ทันทีที่เกิดรัฐประหาร ปิ่นแก้วเกิดรู้สึกหวั่นไหว เธอเขียนหาเพื่อนว่า:
"ฉันเขียนถึงผู้สนับสนุนกิจกรรม
ของบุ๊ครีพับลิก (ยูเซด มูลนิธิโอเพ่นโซไซตี) ว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วย
เราในสถานการณ์นี้ แม้ว่ามันคงไม่สร้างแรงกดดันอะไ
รมากนัก ถึงอย่างไรกองทัพดูจะไม่สนใจฟัง
ใครเลย แต่อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าแรงกดดันจากนานาชาติจ
ะช่วยทำให้กองทัพก้าวร้าวต่อประ
ชาชนอย่างยากลำบากขึ้น"
คำว่า"ประชาชน"ของปิ่นแก้วหมายถ
ึงพวกที่ช่วยเหลือสมรู้ร่วมคิดก
ับทักษิณนั่นเอง นอกจากการสนับสนุนทักษิณและเครื
อข่าย หรือแม้กระทั่งการเข้าร่วมชุมนุ
มประท้วงร่วมกับคนเสื้อแดงแล้ว ปิ่นแก้วยังถึงกับขอให้รัฐบาลต่
างชาติทำการ"กดดัน"กองทัพ และเธอทำเช่นนี้โดยการติดต่อสถา
บันต่างชาติที่สนับสนุนเงินทุนก
ับกิจการของเธอ การเรียกรัฐบาลต่างชาติให้"กดดั
น"ประเทศของตนก็คือนิยามของคำว่
า"ทรยศ"นั่นเอง การที่ปิ่นแก้วกระทำเพื่อปกป้อง
ระบอบทักษิณที่ถูกขจัดออกไปยิ่ง
เป็นประเด็นปัญหามากขึ้น เนื่องจากเธออ้างตัวเป็นผู้เรีย
กร้อง"ประชาธิปไตย" และ"สิทธิมนุษยชน" เพราะสองสิ่งนี้ไม่มีอยู่ในระบอ
บทักษิณ
นิติราษฎร์ - มะเร็งของประชาคมนักวิชาการไทยธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยชั้นน
ำของประเทศไทย ศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้ได้สร
้างคุณูปการด้านต่างๆในสังคมไทย
อย่างเห็นประจักษ์ชัด อย่างไรก็ตาม องค์กรเกิดใหม่ไม่นานนี้ที่เรีย
กตนเองว่า"นิติราษฎร์" ได้สร้างมลทินแก่ชื่อเสียงของธร
รมศาสตร์ และได้ทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก
ลายเป็นภาพแห่งการล็อบบี้ที่มีแ
รงจูงใจทางการเมืองอย่างชัดแจ้ง
ทว่าภายใต้เสื้อคลุมของ"นักวิชา
การ"
(ภาพ 2: สื่อไทยนำเสนอมากขึ้นเกี่ยวกับเครือข่ายที่กล่าวอ้างเป็นนักวิชาการแต่รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ)
องค์กรเหล่านี้อ้างว่าเป็นองค์กรที่เป็นกลาง ปลอดการเมือง มุ่งปกป้อง"ประชาธิปไตย" และต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่า"กฎหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพที่รุนแรงเกิน" แต่ในการประชุมครั้งแรกๆครั้งหนึ่งกลับมีแต่คนเสื้อแดงของทักษิณทั้งหอประชุม คนที่นั่งคุมงานอยู่แถวหน้าคือล็อบบี้ยิสท์รับจ้างของทักษิณ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จากบริษัทิอัมสเตอร์ดัมแอนด์พาธเนอร์ส แทนที่จะเป็นการประชุมทางวิชาการ มันกลับเป็นการประชุมสร้างแบรนด์ใหม่ให้กับขบวนการเสื้อแดงของทักษิณ ซึ่งเดิมถูกมองว่าไร้การศึกษา และนิยมความรุนแรง แม้ในสายตาของต่างประเทศก็ตาม แทนที่จะเป็นขบวนการ"เพื่อประชาธิปไตย" มันกลับเป็นขบวนการลัทธิบูชาบุคคลในครอบครัวชินวัตร
นิติราษฎร์ควรจะเป็นขบวนการที่มีแก่นแห่ง"เสรีนิยม" และ"ก้าวหน้า" แต่กลับล้มเหลว นี่เป็นตัวอย่างที่แจ่มชัดของ"ประชาคมนักวิชาการ"ที่ถูกใช้คลุมอำพรางชุมนุมคนเสื้อแดงที่เบาปัญญาและบิดเบือน เพียงแค่มีการบรรยายกฎหมายมาแทนบรรยายกาศเดิมๆสไตล์อาหารฟรีดนตรีลูกทุ่งเท่านั้นเอง
คนไทยหลายคนคงสงสัยอยู่แล้วว่า นิติราษฎร์น่าจะได้รับการสนับสนุนจากทักษิณ แต่พวกเขาคงไม่รับทราบประเด็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างมหันต์ของนิติราษฎร์ สาวิตรี สุขศิริ อาจารย์นิติศาตร์ ธรรมศาสตร์ สมาชิกนิติราษฎร์ ถูกควบคุมตัวโดยกองทัพเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่เธอเดินทางกลับจากสหรัฐฯ การเดินทางของเธอครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาเรียนรู้ด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเธอยอมรับว่าเป็นโครงการของสถานทูติสหรัฐฯ ผู้สนับสนุนของเธอ อย่างเช่น กานต์ ยืนยง ผู้ก่อตั้งและผอ.สยามอินเทลีเจ้นท์ยูนิต ก็ยอมรับว่าว่าเธอเดินทางไปในโครงการแลกเปลี่ยนที่มีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯสนับสนุน
สาวิตรีร่วมเขียนในรายงานประจำปี2013ของฟรีดอมเฮ้าส์ ทุกๆปีรายงานของ'ฟรีดอมเฮ้าส์'นี้ได้ถูกใช้โดยตะวันตกเพื่อบ่อนทำลายระบบการเมืองในประเทศต่างๆทั่วโลก ที่ตะวันตกต้องการล้มล้าง และต้องการแทนที่ด้วยระบอบที่ฝักใฝ่ตะวันตก นี่แหละเป็นประเด็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างมหันต์ที่สุดของสาวิตรี ไม่เพียงแต่สาวิตรีมีล้อบบี้ยิสท์ของทักษิณ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม นั่งอยู่แถวหน้าในที่ประชุมของเธอเท่านั้น เธอยังให้ความร่วมมือกับฟรีดอมเฮ้าส์ซึ่งมีล้อบบี้ยิสท์อีกคนของทักษิณ เคนเนธ อเดลแมน นั่งในบอร์ดบริหาร อเดลแมนเป็นล้อบบี้ยิสท์ให้ทักษิณตั้งแต่ปี 2550 ไม่นานหลังจากการรรัฐประหารครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพื่อล้มล้างจักรกลทางการเมืองของทักษิณ เขาเป็นล้อบบี้ยิสท์ของทักษิณในนามของอเดลแมนพีอาร์ ซึ่งเป็นบริษัทิพีอาร์ใหญ่ที่สุดของโลก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฟรีดอมเฮ้าส์ซึ่งเขานั่งในตำแหน่งผอ.นั้น ก็เริ่มรับใช้จักรกลทางการเมืองของทักษิณในการบ่อนทำลายศัตรูของทักษิณ
(ภาพ 3: ล้อบบี้ยิสท์ของทักษิณ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม นั่งอยู่แถวหน้าในที่ประชุมแรกๆครั้งหนึ่งของนิติราษฎร์ เขาถูกห้อมล้อมโดยคนเสื้อแดง บางคนถึงกับถือรูปทรราชผู้ถูกขับออกไปเข้ามาในหอประชุม)
สาวิตรียังเป็น"พยานผู้ถูกร้อง"ในคดีอาญาของ จีรานุช เปรมชัยพร ผอ.ของประชาไทที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทุกก้าวของเธอ เธอเผยตนเป็นผู้รับเงินสนับสนุนและความช่วยเหลือจากสหรัฐฯอยู่เสมอๆ หรือไม่ก็ใช้ฉากหน้าของความเป็นนักวิชาการของเธอเข้าช่วยเหลือสนับสนุนบรรดาผู้รับเงินสนับสนุน
ในขณะที่สาวิตรีและนิติราษฎร์พยายามอ้างแสดงตนเป็นผู้พิทักษ์และตัวแทนประชาธิปไตยกับสิทธิมนุษยชนของไทย การขาดความโปร่งใสและการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของพวกเขานี้เอง ทำให้สารที่พวกเขานำเสนอช่างไร้นำ้หนัก พวกเขาเป็นแค่นักล๊อบบี้ภายใต้เสื้อคลุมนักวิชาการ ที่ทำงานร่วมกับล๊อบบี้ยิสต์ทางการของทักษิณ ชินวัตร ทรราชผู้ถูกปลดออกนั่นเอง การที่พวกเขาทำงานโดยมีผลประโยชน์ซ่อนเร้นและซ่อนร้ายนี้เองได้กัดกร่อนหลักการที่พวกเขาชูธง แต่มีวาระแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง
ฟรีดอมเฮ้าส์ และกองทุนเพื่อประชาธิปไตยของสหรัฐฯ: ทั้งไม่ฟรีทั้งไม่ประชาธิปไตย
สิ่งที่กัดกร่อนฉากหน้า"นักวิชาการ"ของสาวิตรีและปิ่นแก้วมากยิ่งไปอีกคือความจริงที่ว่า ผู้สนับสนุนและผู้ร่วมงานต่างชาติของพวกเขาอยู่ขั้วตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับหลักการที่เขาทั้งสองเที่ยวเร่ขายอยู่โดยมีนัยยะแอบแฝงทางการเมือง
เราพบชื่อ จอห์น บอห์น พ่อค้าปิโตรเคมี นั่งอยู่ในบอร์ดกองทุนเพื่อประชาธิปไตยของสหรัฐฯ (NED) เขาเป็นนายแบงค์สากลของเวลล์ ฟาร์โก เป็นเวลา 13 ปี และขณะนี้ยังคงเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทิโกลบอลด์เน็ต พาร์ตเนอร์ บริษัทิที่ปรึกษาระดับโลกที่คอยช่วยเหลือบริษัทิต่างชาติให้"เข้าสู่ตลาดจีนอันซับซ้อนได้อย่างสะดวก" แน่นอนว่าความสามารถของบอห์นในการประสานอำนาจทางการเมืองของจีนผ่านทางกิจกรรมต่างๆของNED ทั้งภายในจีนเอง หรือเครือข่ายของจีน ย่อมส่งผลถึงการขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่น่าหวั่นใจ อย่างไรก็ตาม ปรากฎว่า"การขัดกันแห่งผลประโยชน์"กลายเป็นแนวเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาของNED และฟรีดอมเฮาส์
คนที่มาร่วมงานกับบอห์นต่อมาคือ ริต้า ดิมาร์ตีโน่ เขาทำงานให้กับ AT&T ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายความสัมพันธ์กับรัฐสภา AT&T เป็นสมาชิกของ"สภาความสัมพันธ์ต่างประเทศ" (CFR) แต่ริต้าก็เป็นบอร์ดของ CFR ด้วย เช่นเดียวกัน ขณะที่เคนเนธ ดูเบอร์สเตน เป็นบอร์ดของบริษัทิโบอิ้ง -ที่รับผลกำไรจากสงคราม บอร์ดของบริษิทินำ้มันโคโคโนฟิลิปส์ บอร์ดของแม็คคาลีเรียลตี้คอร์ป และผอ.ของแฟนนีเม จนถึงปี 2550 เคนเนธ ดูเบอร์สเตน ผู้มีชื่ออยู่ใน 500 คนของฟอร์บผู้นี้ก็เป็นบอร์ดของ CFR ด้วย เช่นเดียวกับบริษัทิสองแห่งที่เขานั่งเป็นประธาน โบอิ้งกับโคโนฟิลิปส์