Tuesday, July 15, 2014

ประเทศไทยกับการปฏิวัติฝรั่งเศส

(English version: "Thailand and the French Revolution") โดยแอนโทนี่ คาร์ตาลุชชี่ 15 ก.ค. 2557 - เป็นความขัดแย้งที่น่าประลาดใจ ทำไมคนที่เรียกตัวเองว่า"หัวก้าวหน้า"ในประเทศไทยจึงอ้างอิงการปฏิวัติฝรั่งเศสมาเป็นเรื่องบันดาลใจ? คนพวกนี้ช่างอ่อนหัด เบาปัญญาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ จนกระทั่งไม่รู้เชียวหรือว่าไอ้ที่เรียกว่า"ปฏิวัติ" มันลงเอยอย่างไร? มันจบลงด้วยการนองเลือดอันน่าสยดสยอง การกัดกร่อนและทำลายล้างประเทศตนเอง และแล้วในกองขี้เถ้าก็มีมารเผด็จการอบุติขึ้นมา ยิ่งร้ายกาจกว่าสิ่งที่พวกเขามุ่งหมายที่จะขจัดทิ้งเสียอีก

ไม่เพียงแต่พวกเขาลงเอยด้วยทรราชใหม่มาเสวยอำนาจ แต่ทรราชตนนี้ขยับขยายความอยุติธรรมของฝรั่งเศสออกไปเกินเขตแดนของตนเอง ในรูปของจักรวรรดิ์ ท้ายที่สุด นโปเลียนก็ประกาศตนเป็นกษัตริย์ น่าอลเวงจริงๆ ตราบจนวันนี้ฝรั่งเศสก็ยังปกครองโดยกลุ่มทุนอันผุกร่อน ที่กำลังกัดกินประเทศ สวาปามทรัพยากรอย่างอีลุ่ยฉุยแฉก ทำลายเกียรติยศของฝรั่งเศสจนฟอนเฟะไปทั่วโลก ด้วยการล่าอาณานิคมครั้งแล้วครั้งเล่า ล่าสุดคือที่มาลี ไอเวอรี่โคสต์ ลิเบีย กับการพยายามที่จะคว่ำรัฐบาลซีเรีย เคียงข้างสหรัฐฯ อังกฤษ พร้อมๆกับทรราชของตูร์กี ซาอูดิอเรเบีย กาตาร์และอิสราเอล ทั้งหมดนี้ภายใต้หมอกม่านแห่ง"ประชาธิปไตย" โดยสร้างภาพลวงตาว่าประชาชนมีทางเลือก แต่แท้ที่จริงไม่มี

ประชาชนชาวฝรั่งเศสต้องกลั้นลมหายใจทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง โดยหวังว่า"ครั้งนี้" เสียงของพวกเขาจะได้รับการรับฟัง แต่แล้วทุกๆครั้ง ความเป็นไปได้ของมันก็ไกลเกินเอื้อมอยู่เสมอ พอๆกับการที่จะคาดหวังให้นโปเลียนรับฟังความต้องการของประชาชน มากกว่าการไคว่ขว้าความต้องการของตัวเอง เพื่อตัวเอง ด้วยอำนาจบาตรใหญ่ เช่นนี้แล้ว "ปฏิวัติฝรั่งเศส"คืออะไรกันแน่ในความเป็นจริง?

แท้ที่จริงแล้ว มันไม่ได้เป็นการก้าวหน้าของสามัญชน แต่เป็นการวิวัฒนาการของทรราช วิวัฒนาการที่ยังคงดำรงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจนบัดนี้ สิ่งที่"นักปฏิวัติ"ต่อสู้ให้ได้มา กลับเป็นการครอบงำแบบทรราชที่แฝงเร้นได้เนียนขึ้น ยั่งยืนขึ้น มากกว่ารูปแบบทรราชที่เปิดเผย สุดโต่ง กระนั้นก็ตาม อย่าได้มองผิดเพี้ยนไป ไม่ว่าจะดูเนียนมากเพียงใดมันก็เป็นทรราชอยู่ดี

สำหรับประเทศไทย ใครที่ชูธง"ปฏิวัติฝรั่งเศส" ก็จงแน่ใจได้เลยว่าพวกเหล่านั้นไม่โง่เง่าก็ใจทรชน หรือเป็นทั้งคู่ ชูธงสงครามกลางเมืองเพียงเพื่อสร้างรัฐบาลสเป็คตัวเอง ยิ่งจะซำ้เติมสถานการณ์จนย่อยยับทั้งระยะสั้นและระยะยาว บรรดา"หัวก้าวหน้า"เหล่านี้มิได้เป็นวิญญูชน อย่างที่พวกเขาหลอกตัวเองว่าเป็น นี่ซิน่ากลัวยิ่งนัก

คำกล่าวว่า"การรู้แต่น้อยย่อมน่าอันตราย" แสดงให้เห็นว่าคน"หัวก้าวหน้า"เหล่านี้มั่นใจนักว่า ตนฉลาดมากกว่าคนไทยทั่วๆไป ความพผองกลับทำให้พวกเขามืดบอดกับสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำ คติแห่งความเหนือชั้นกว่านำพาพวกเขาสู่มายาภาพแห่งความรู้สึกว่าตนไม่ต้องเคารพต่อผู้ใดหรือสิ่งใด และระบอบทักษิณภายใต้เสื้อคลุม"ประชาธิปไตยแบบตะวันตก"พาพวกเขาให้ห่างเหินจากสถาบันเก่าแก่ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เหล่าผู้หลงตัวเองที่ผยองด้วยคติทำลายล้าง อยากเห็นไทยราบพนาสูญแบบฝรั่งเศส แล้วสร้างขึ้นใหม่ด้วยทรราชที่เลวร้ายกว่าที่อ้างว่าสถาบันหลักของไทยเป็น ทั้งสิ้นทั้งปวง เพียงเพราะพวกเขา"คิด"อุตริว่าตนมี"ปัญญาเร้นลับ" เพียงพวกตนเท่านั้นปราดเปรื่องพอที่จะเข้าใจ

การปฏิวัติที่แท้จริงไม่ได้เป็นอย่างที่ชาวฝรั่งเศสก่อเกิดขึ้นมา ช่วงก่อนที่โปเลียนจะผงาดขึ้นเป็นทรราชผู้ทำลายล้าง การปฏิวัติที่แท้จริงต้องวัดตวงด้วยความก้าวหน้าภาคปฏิบัติ ที่ให้อำนาจประชาชนโดยตรง มิใช่ผ่านทางหุ่นเชิดที่แอบอ้างการเป็นตัวแทนแห่งผลประโยชน์ สถาบันท้องถิ่นที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อแสวงหาคำตอบภาคปฏิบัติต่อปัญหาประจำวันของผู้คน นี่แหละคือการให้อำนาจที่แท้จริง ซึ่งย่อมต่อต้านและลดทอนอำนาจของผลประโยชน์พิเศษส่วนตน การปฏิวัติที่แท้จริงไม่ใช่การเผาบ้านเผาเมือง ไม่ใช่การเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่การหย่อนบัตร"เลือก"ผู้แทนที่เสแสร้งที่จะใส่ใจในผลประโยชน์ของประชาชน

เสรีภาพที่แท้จริงมาจากความพอเพียงในตนครบทุกด้าน ทั้งด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ในรูปแบบของการศึกษา ทรัพยากร เกษตรกรรม แม้กระทั่ง ศิลปะและสันทนาการ สิ่งประการทั้งปวงเหล่านี้ สถาบันหลักของชาติในปัจจุบันได้นำพา ส่งเสริมอยู่แล้ว ใครก็ตามที่บ่อนทำลายสถาบันหลักเหล่านี้ ย่อมเป็นผู้ที่ต้องการครอบงำประชาชน ไม่ใช่ผู้ที่กอบกู้ประชาชน พลังอำนาจอันประสงค์ร้ายนี้มีเหล่าสาวกที่คอยเจือจาน ประสานหนุน ....ทั้งสิ้นทั้งปวง ในนามของ"การปฏิวัติ"